หมอธีระ ฟันธง 8 ข้อที่จะเกิดขึ้น หลังเจอ “โควิด-19” ระลอกใหม่ ต้องใช้เวลาต่อสู้อย่างน้อย 3 เดือน

3905

หลังจากที่นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศบค. ได้แถลงสถานการณ์โควิด-19 ประจำวันที่ 30 ธ.ค. 2563 ระบุว่า ยอดติดโควิด 250 ราย ติดเชื้อในประเทศ 241 ราย

ผู้ป่วยยืนยันสะสม 6,690 ราย ติดเชื้อในประเทศ 4,688 ราย ผู้เดินทางจากต่างประเทศไม่เข้าสถานที่กักตัว 1 ราย สถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ 8 ราย ติดเชื้อในแรงงานต่างด้าว 1,383 ราย หายป่วยแล้ว 4,212 ราย ผู้ป่วยยังรักษาอยู่ 2,417 รายนั้น

ส่วนจังหวัดที่มีผู้ติดโควิดรวมแล้ว 48 จังหวัด ที่เพิ่มมาใหม่คือ จ.ระนอง จ.อำนาจเจริญ และจ.ตราด ส่วนในจ.ชลบุรีพบติดเชื้อถึง 108 ราย ซึ่งรอยืนยันการสอบสวนโรค ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะลงพื้นที่ในช่วงบ่ายวันนี้ด้วย โดยเรายังไม่อยากให้เห็นภาพล็อกดาวน์อีก

ล่าสุดทางด้านรศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์เฟซบุ๊กถึงสถานการณ์โควิด-19 ที่กำลังแพร่ระบาดในประเทศไทยเวลานี้ โดยระบุข้อความบางช่วงบางตอนไว้ว่า…

สำหรับเมืองไทยเรา ผมคิดว่าถึงเวลาที่จะบอกข้อมูลและการคาดการณ์สถานการณ์เพื่อให้เราทุกคนเตรียมรับมือสิ่งที่อาจเกิดขึ้นในปีหน้า ดังนี้ครับ…

1. เราเข้าสู่การระบาดซ้ำ/ระลอกสอง/ระบาดใหม่/ระบาดอีกครั้ง…อย่างเต็มตัวแล้ว

2. การระบาดซ้ำที่เรากำลังจะเผชิญนี้ แม้ในอนาคตจะดำเนินมาตรการเต็มที่อย่างไรก็ตาม (รวมถึงล็อกดาวน์ “หากมี” หลังจากกลางมกราคมเป็นต้นไป ผสมกับการคลายบ้าง ล็อกบ้างตลอดช่วงเวลาการระบาด) เราจะมีจำนวนการติดเชื้อสูงสุดต่อวันถึงประมาณ 940 คนต่อวัน หรือสูงกว่าระลอกแรก 5 เท่า และดูจะมีความชัดเจนมากแล้วว่าการต่อสู้ศึกระบาดซ้ำครั้งนี้ เราจะใช้เวลาอย่างน้อย 3 เดือนครับ

3. จำนวนคนที่คาดว่าจะติดเชื้อทั้งหมดจากการระบาดซ้ำครั้งนี้ประมาณ 23,635-33,088 คน โดยในจำนวนนี้จะเป็นผู้ที่อาการรุนแรงประมาณ 3,546-4,964 คน และมีผู้ป่วยที่ต้องเข้า ICU หรือใช้เครื่องช่วยหายใจ 1,182-1,655 คน ตาย 237-331 คนหากไม่มีปัญหาขาดแคลนบุคลากร/เครื่องมือ/และยา แต่หากขาดแคลนจะสูงถึง 473-662 คน

4. จากการระบาดซ้ำครั้งนี้ คาดว่าสถานการณ์ไทยจะอัพเลเวล อันดับโลกไปถึงประมาณออสเตรเลียหรือฟินแลนด์ ขณะนี้ดูแล้วเป็นไปได้ยากมากที่จะกดการระบาดไปให้ถึงระดับของฮ่องกง

5. ด้วยลักษณะการตัดสินใจเชิงนโยบายปัจจุบัน ทั้งในเรื่องมาตรการที่ไม่เป็นทิศทางเดียวกันและช้ากว่าสถานการณ์ รวมถึงระบบการตรวจคัดกรองโรคที่ไม่เข้มแข็งเพียงพอที่จะรับมือกับการระบาดซ้ำได้ ดังจะเห็นได้จากจำนวนการตรวจที่ทำได้จำกัดมาก นอกจากนี้ยังพบปัญหาความไม่เพียงพอของอุปกรณ์ป้องกันต่าง ๆ ดังจะเห็นได้จากการขอรับบริจาคจากสาธารณะโดยโรงพยาบาลต่าง ๆ ที่เป็นด่านหน้าดูแลผู้ป่วย

ทำให้คาดการณ์ว่า ระบบสุขภาพอาจประสบปัญหาในการดูแลผู้ป่วยติดเชื้อ หลังจากนี้ไปราว 6-8 สัปดาห์ โดยจะมีภาวะขาดแคลนอุปกรณ์ที่จำเป็นในการต่อสู้ ทั้งจากความไม่เพียงพอ หรือการกระจายส่งต่อ และที่จะต้องเตรียมรับมือคือ การจัดการความเสี่ยงต่อบุคลากรทางการแพทย์ทุกระดับ และความเหนื่อยล้า อันจะส่งผลต่อประสิทธิภาพในการทำงาน ผลลัพธ์จากการดูแลรักษา และการสูญเสียบุคลากรทั้งจากการติดเชื้อและสาเหตุอื่น

6. ผลกระทบทางเศรษฐกิจในวงกว้างจะตามมาอย่างหลีกเลี่ยงได้ยากครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนหาเช้ากินค่ำ รวมถึงกิจการขนาดเล็กและขนาดกลาง นอกจากนี้ส่วนตัวแล้วคาดว่าจะเกิดผลกระทบหนักกับโครงการของรัฐที่ได้ดำเนินมาก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องเราเที่ยวด้วยกัน ซึ่งคงยากที่จะเข็นต่อไปตลอดช่วงระบาดซ้ำรุนแรง เพราะหากฝืนทำต่อ จะวิกฤตหนักจากระบาดระลอกสามแบบญี่ปุ่น

7. สถานการณ์ของระบบสุขภาพจะสั่นคลอนมาก เพราะถัดจากนี้ไป การดูแลรักษาโรคอื่น ๆ ให้แก่ประชาชนจะได้รับผลกระทบอย่างมาก และส่งผลต่อผลลัพธ์ทางสุขภาพของผู้ป่วย ที่จะเข้าถึงบริการทางการแพทย์ได้ยากมากขึ้น การรับการรักษาหลายอย่างได้ช้าลงกว่าเดิม นอกจากนี้ยังจำเป็นต้องวางแผนลดความเสี่ยงที่จะเกิดการระบาดในโรงพยาบาล ทั้งในบุคลากรที่ทำงานโดยตรงกับผู้ป่วย บุคลากรฝ่ายสนับสนุน รวมถึงผู้ป่วยและญาติ ทั้งในแผนกผู้ป่วยนอก และผู้ป่วยใน

8. จากลักษณะการระบาดซ้ำในไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา มีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดการแพร่ระบาดใหญ่ในหลากหลายกลุ่มเสี่ยง หลากหลายพื้นที่ หลากหลายกิจการและกิจกรรม เพราะโครงสร้างทางสังคมและวัฒนธรรมการใช้ชีวิตของเรานั้นมีจุดเปราะบางหลายเรื่องที่ไวรัสชอบโจมตี ดังนั้นจึงต้องระวังทั้งที่ตลาดสด ห้างสรรพสินค้า งานบุญต่าง ๆ งานปาร์ตี้เลี้ยงฉลอง งานแต่งงาน งานศพ สถานที่ท่องเที่ยว ไปจนถึงเคาน์ทดาวน์ปีใหม่ในวันพรุ่งนี้ด้วย

ส่วนตัวแล้วเข้าใจเหตุผลลึก ๆ และเงื่อนเวลาการตัดสินใจของศบค. แต่จะช่วยลดความรุนแรงของการระบาดได้บ้าง หากรัฐตัดสินใจมาตรการสุดท้ายภายในสัปดาห์นี้หรือไม่เกินต้นสัปดาห์หน้า

สิ่งที่ประชาชนอย่างเราจะทำได้ ณ เวลานี้คือ ขอให้ป้องกันตนเองอย่าให้ติดเชื้อ หรือแพร่เชื้อให้ผู้อื่นโดยไม่รู้ตัว

1. อยู่บ้านหยุดเชื้อเพื่อชาติอีกครั้ง

2. ใส่หน้ากากเสมอ 100% เมื่อออกนอกบ้าน และออกเท่าที่จำเป็นจริงๆ

3. เตรียมเสบียงไว้ในบ้านบ้าง

4. เตรียมหยูกยาที่จำเป็น

5. ตัดผม ทำผม หาหมอ หาหมอฟัน…ควรจัดการให้เสร็จในสัปดาห์นี้หากทำได้

6. ทำงานที่บ้านนะครับหากเป็นไปได้

7. เลี่ยงการใช้ขนส่งสาธารณะ แต่หากเลี่ยงไม่ได้ก็ป้องกันตัวให้เต็มที่ ใส่หน้ากาก และใช้เจลแอลกอฮอล์

สำคัญที่สุดคือ ในวันพรุ่งนี้ ได้โปรดเถิดครับ ไม่ควรไปกินอาหารฉลองข้างนอก ไม่ควรไปเดินดูแสงสี พลุ หรือการแสดงอะไรต่อมิอะไร เพราะหากท่านไป ท่านก็มีสิทธิที่จะเป็นส่วนหนึ่งของผู้ติดเชื้อ หรือผู้แพร่เชื้อแก่คนจำนวนมาก ผลที่จะเกิดขึ้นคือ การระบาดครั้งนี้จะทวีความรุนแรงขึ้น อาจเกินกว่าที่บอกไว้ข้างต้น โดยจะเห็นผลในช่วงกลางเดือนมกราคม

แต่หากท่านไม่ออกจากบ้าน ท่านจะมีส่วนช่วยลดทอนการระบาดครั้งนี้ลงได้ไม่มากก็น้อย เกิดประโยชน์ทั้งต่อตัวเราและสังคม

สุขเพียงวันเดียว…แต่หายนะกันยาวครับ อยู่บ้านกันนะครับ…