ผู้ว่าแนชวิลล์ประกาศเคอร์ฟิว?!? เซ่นคริสต์มาสคาร์บอมบ์ คาดจงใจเขย่าขวัญหรือเค้าลางรุนแรงเริ่มปะทุ

1877

เปิดเค้าลางเงื่อนไขรุนแรงในสหรัฐอเมริกา ใครต้องการเงื่อนไขประกาศกฎอัยการศึก? คำถามนี้ตรงกับความวิตกกังวลของเพนตากอน หวั่นทรัมป์เบี้ยวไม่ยอมโอนถ่ายอำนาจให้โจ ไบเดนในอีกไม่กี่วันข้างหน้า  ได้จัดประชุมด่วนกันในคืนก่อนวันคริสต์มาสแล้วปล่อยข่าวยังไงก็ไม่ร่วมมือปธน.ทรัมป์ประกาศกฎอัยการศึก  ขณะที่เช้ารุ่งขึ้นในวันคริสต์มาสนั่นเอง ความวินาศสันตะโรโกลาหล เพราะคาร์บอมบ์ เกิดขึ้นที่เมืองแนชวิลล์อย่างช็อกกันไปทั้งประเทศ ทำไฟฟ้าดับ โทรศัพท์ไม่ทำงานเครื่องบินชะงัก แบบนี้ลีลาสันนิษฐานเหมือนก่อการร้ายหรือไม่? และในที่สุดผู้ว่าการฯแนชวิลล์ก็ต้องประกาศเคอร์ฟิว จับตาความรุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่การประท้วงต่อต้านล็อกดาวน์และการฉีดวัคซีนถูกจุดประเด็นเริ่มขี้นแล้วที่ออริกอน

คริสต์มาสคาร์บอมที่แนชวิลล์-จงใจ?

(ทำไมต้องเป็นวันคริสต์มาส)

สำนักข่าวต่างประเทศทั้ง ซีเอ็นเอ็น รอยเตอร์สและบีบีซี รายงานเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม เกิดเหตุระเบิดครั้งใหญ่ในเมืองแนชวิลล์ รัฐเทนเนสซี สหรัฐอเมริกา เบื้องต้นมีรายงานผู้บาดเจ็บ 3 ราย ระบบสื่อสารทั่วทั้งรัฐล่ม และอาคารบ้านเรือนหลายหลังพังเสียหาย

เจ้าหน้าที่เผยว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงเช้าเวลาประมาณ 06.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งรายงานระบุว่ามีคำเตือนว่า ถคันนี้มีระเบิด หากคุณได้ยินคำเตือนนี้ กรุณาอพยพจากพื้นที่โดยด่วน” ทำให้เจ้าหน้าที่สั่งเคลียร์พื้นที่แต่ระเบิดลั่นในที่สุด ต่อมาเจ้าหน้าที่ตรวจสอบเสียงเทปเสียงผู้หญิงดังกล่าว พบว่าสร้างขึ้นโดยระบบคอมพิวเตอร์

โดยรถตู้คันดังกล่าวจอดบริเวณหน้าอาคารเอทีแอนด์ที ซึ่งเป็นบริษัทโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่ เหตุระเบิดทำให้อาคารสำนักงานพังเสียหาย จุดศูนย์กลางของโทรศัพท์ในเมืองถูกทำลายอย่างหนัก รวมถึงระบบฉุกเฉินของเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถใช้งานได้ และเที่ยวบินที่ออกจากสนามบินนานาชาติแนชวิลล์หยุดลงชั่วขณะ

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจเชื่อว่าเป็นการก่อเหตุโดยเจตนา ภายหลังเจ้าหน้าที่พาตัวผู้เห็นเหตุการณ์จำนวนหนึ่งไปสอบปากคำเพิ่มเติมโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องถิ่น เจ้าหน้าที่ดับเพลิง สำนักงานสืบสวนกลางของสหรัฐฯ สำนักงานแอลกอฮอล์ ยาสูบ อาวุธปืน และอาวุธระเบิด (ATF) กำลังร่วมกันสืบสวนการระเบิดครั้งนี้

ประกาศเคอร์ฟิวรับเหตุฉุกเฉิน?

เมื่อ 26 ธ.ค.63 หน่วยงานความมั่นคงทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับประเทศของสหรัฐฯ เช่นเอฟบีไอ และสำนักงานควบคุมแอลกอฮอล์ ยาสูบและอาวุธปืนหรือ เอทีเอฟ ได้ร่วมกันเข้าไปสืบสวนเหตุระเบิดที่เมืองแนชวิลล์ รัฐเทนเนสซี ของสหรัฐฯ โดยล่าสุด จนท.พบร่างผู้เสียชีวิตบริเวณ ใกล้สถานที่ที่ตำรวจเชื่อว่าเกิดเหตุระเบิด แต่ยังไม่มีความชัดเจนว่าผู้เสียชีวิตดังกล่าวเป็นผู้ต้องสงสัยก่อเหตุ หรือเป็นเหยื่อ นอกจากนี้ ตำรวจได้เผยแพร่ภาพรถคันที่ก่อเหตุ และขอให้ประชาชนช่วยแจ้งข้อมูลของรถดังกล่าว 

ต่อมา เจ้าหน้าที่ได้เดินทางไปตรวจสอบอาคารที่พักอาศัยสูง 2 ชั้น บนถนนเบเคอร์ทาวน์ เมืองแอนติออช ห่างจากแนชวิลล์ไป 18 กม. โดยเน้นตรวจสอบชั้นใต้ดินของอาคารดังกล่าว ชื่อเจ้าของบ้านตามทะเบียนคือ นายแอนโธนี ควินน์ วอร์เนอร์ อายุ 63 ปี เนื่องจากบ้านหลังนี้เป็นที่จอดรถของ รถบ้านสีขาวที่คล้ายคันที่ระเบิด ตำรวจเชื่อว่าเป็นการลงมือโดยเจตนา เพราะมีการเปิดคลิปเสียงเตือนออกจากรถบ้านว่า “รถคันนี้จะระเบิดภายใน 15 นาที”

นายจอห์น คูเปอร์ นายกเทศมนตรีเมืองแนชวิลล์ กล่าวว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจงใจให้เกิดความโกลาหลและสร้างความหวาดกลัวในช่วงเทศกาลแห่งความสงบสุขและความหวัง ได้สั่งเคอร์ฟิวพื้นที่โดยรอบสถานที่เกิดเหตุระหว่าง 25 ธ.ค. – 27 ธ.ค. 2563 (ตามเวลาท้องถิ่น)

ด้านนายบิล ลี ผู้ว่าการรัฐเทนเนสซี (จากรีพับลิกัน) ให้สัมภาษณ์ว่า “ถือเป็นปาฏิหาริย์ที่ไม่มีผู้เสียชีวิต ประชาชนบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย” เขาให้คำมั่นว่าจะจัดหา “ทรัพยากรทั้งหมดที่จำเป็น” เพื่อตรวจสอบสิ่งที่เกิดขึ้นและบุคคลที่อยู่เบื้องหลัง ทั้งนี้ได้ขอให้ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินท่ั่วทั้งเมือง ซึ่งจะทำให้รัฐบาลท้องถิ่นได้รับงบประมาณจากส่วนกลาง เพื่อซ่อมแซมความเสียหายทั้งหมด

ออริกอนเปิดฉากประท้วงต้านล็อกดาวน์

สัปดาห์ที่ผ่านมา ที่เมืองออริกอน กลุ่มเชิดชูผิวขาวบุกสำนักงานตำรวจคัดค้านการล็อคดาวน์ ไม่สนใจเรื่องการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ผู้ประท้วงหลายคนมีอาวุธสงคราม แม้บางส่วนจะถูกจับ คงต้องจับตาดูว่าการประท้วงจะขยายตัวออกไปอีกหรือไม่? โดยเฉพาะกลุ่มอนุรักษนิยมผู้สนับสนุนทรัมป์ ซึ่งได้ออกมาชุมนุมประท้วงในวอชิงตันและรัฐอื่นๆช่วงกลางเดือนธันวาคมที่ผ่านมา  พวกเขาสนับสนุนปธน.ทรัมป์ในประเด็นมีการโกงเลือกตั้ง แต่สุดท้ายศาลได้ยกคำร้องการขอนับคะแนนใหม่ ทำทรัมป์ผิดหวังอย่างแรง กลุ่มอนุรักษนิยมกล่าวอ้างโดยปราศจากหลักฐานใดๆ ว่าไบเดน ขโมยชัยชนะในศึกเลือกตั้งไปจากทรัมป์ และชุมนุมกันในหลายรัฐ ทั้งวอชิงตัน, จอร์เจีย, เพนซิลเวเนีย, มิชิแกน, วิสคอนซิน, เนวาดา และแอริโซนา ซึ่งล้วนเป็นมลรัฐที่เป็นฐานเสียงของทรัมป์

จับตาความขัดแย้งทางการเมืองภายในสหรัฐฯ ว่าจะลงเอยแบบไหน? จะจัดการให้เกิดความราบรื่น หรือความรุนแรงรูปแบบต่างๆจะขยายตัวต่อไปเพื่อบรรลุเป้าหมายในการยื้ออำนาจของผู้นำที่ไม่ยอมแพ้อย่างทรัมป์ และหรือกลุ่มทุนที่สนับสนุนทรัมป์  และไบเดน-เดโมแครตจะรับมือกับสถานการณ์เช่นนี้อย่างไร? อย่ากะพริบตา