อัษฎางค์ ย้อนเหน็บ พระเซเลบ แทนที่จะเจริญรอยตามองค์สัมมาฯ กลับโดนลัทธิบุปผาชนแหกตา

3745

นายอัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการอิสระ ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงพระนักเคลื่อนไหวทางการเมือง ระบุว่า “องคุลีมาลแห่งศตวรรษที่ 21 กับพระมหาอาจารย์” องคุลีมาล หลงผิดทำบาปเพราะโดนอาจารย์ของตัวเองแหกตาหลอกลวง

จนกระทั่งเมื่อพบกับพระพุทธเจ้าก็พยายามมจะฆ่าพระพุทธเจ้า แต่พระองค์ก็สามารถชี้ทางสว่างแห่งธรรมจนองคุลีมาลกลับใจได้ เมื่อคิดถึงเรื่องนี้แล้ว ก็เห็นภาพองคุลีมาลยุคปัจจุบันซึ่งมีอยู่หลายองคุลีมาลเหลือเกิน ลองมาจินตนาการตามผม

วันหนึ่งพระมหาไพรวัลย์ พระมหาสมปอง ได้มาพบกับชาญวิทย์ สมศักดิ์ เจียม ปวิน ธนาธร ปิยะบุตร แทนที่พระมหาอาจารย์จะเบิกเนตรด้วยการนำธรรมพระของพระพุทธเจ้าชี้ทางที่ถูกต้องให้ชาญวิทย์ สมศักดิ์ เจียม ปวิน ธนาธร ปิยะบุตร เดินตาม กลับกลายเป็นว่า พระมหาอาจารย์กลับโดนแนวความคิดของลัทธิบุปผาชนของกลุ่มคนที่มีแนวทางชีวิตที่เป็นปฏิปักษ์ต่อกฎเกณฑ์ของสังคมเหล่านั้นมาแหกตา

แล้วพระมหาอาจารย์ที่ผ่านการศึกษาและปฏิบัติธรรม ก็เดินตามกลุ่มคนที่เชื่อถือแนวคิดในลัทธิบุปผาชนไปชิบ แทนที่พระมหาอาจารย์จะเจริญรอยตามองค์สัมมาสัมพุทธเจ้า ที่เบิกเนตรชี้ทางที่ถูกต้องให้กับผู้ที่หลงผิดพระมหาอาจารย์กลับคล้อยตามผู้ที่หลงผิด และร่วมขบวนทำบาปกันต่อไป

องคุลีมาล แต่เดิมนั้นองคุลิมาลชื่อว่า อหิงสกะ เป็นบุตรของปุโรหิตในราชสำนักของ พระเจ้าปเสนทิโกศล เมืองสาวัตถี อหิงสกะได้ไปเรียนวิชาที่เมืองตักกสิลา และสามารถเรียนได้รวดเร็วอีกทั้งยังปรนนิบัติอาจารย์อย่างดี จนเป็นที่รักใคร่ของอาจารย์อย่างมาก เป็นเหตุให้ศิษย์อื่นริษยา จึงยุยงอาจารย์ว่าองคุลิมาลคิดจะทำร้าย อาจารย์จึงคิดจะกำจัดองคุลิมาลเสีย โดยบอกกองคุลิมาลว่า ถ้าจะสำเร็จวิชาต้องฆ่าคนให้ได้ 1,000 คนเสียก่อน องคุลิมาลจึงออกเดินทางฆ่าคน แล้วตัดนิ้วหัวแม่มือมาคล้องที่คอเพื่อให้จำได้ว่าฆ่าไปกี่คนแล้ว ด้วยเหตุนี้เอง อหิงสกะจึงได้รับสมญานามว่า องคุลิมาล เมื่อฆ่าจนครบ 999 คน ถึงมีโอกาสมาพบพระพุทธเจ้า ที่ทรวงชี้ทรงสว่างให้องคุลีมาล จนเลื่อมใส หยุดหลวผิดทำบาป และออกบวชเป็นพุทธสาวกในพระพุทธศาสนา

อ่านประวัติขององคุลีมาลแล้วคลับคล้ายคลับคลากับ ปวิน ธนาธร ปิยะบุตร ช่อ ที่โดนอาจารย์ หรือผู้หลักผู้ใหญ่หลอกให้หลงผิด คิดว่าสิ่งที่ทำคือการช่วยปลดแอกประชาชนจากผู้กดขี่ ทั้งที่ความจริงเป็นคนละเรื่อง ได้แต่หวังว่า สักวันพวกเขาจะได้เจอพระอาจารย์ตัวจริง ไม่ใช่แค่คนสวมผ้าเหลืองกับอาจารย์และผู้หลักผู้ใหญ่จอมปลอมที่หลงผิดและชี้ทางผิดให้เดิน

ทั้งนี้เมื่อดูตรวจสอบในเฟซบุ๊กของ พระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ ได้โพสต์ข้อความ ที่ระบุด้วยว่า อยากให้ปริญญากิตติมศักดิ์ (ของทุก ๆ มหาลัยฯ) เป็นปริญญาที่มหาลัยฯ จะมอบให้กับคนซึ่งมีความสามารถอย่างโดดเด่น หรือไม่ก็แตกฉานในศาสตร์นั้น ๆ จริง ๆ


ปริญญากิตติมศักดิ์ ไม่ควรเป็นปริญญาที่แจกเหมือนกับใบปลิวข้างถนน ซึ่งจำนวนไม่น้อย มักมอบให้กับคนที่มียศตำแหน่งหรือฐานะทางเงินตราอย่างเดียว

ปริญญากิตติมศักดิ์ควรมอบให้เพื่อที่ผู้ซึ่งได้รับจะรู้สึกภาคภูมิใจแก่ความสามารถและผลงานอันเป็นที่ประจักษ์ของตนจริง ๆ ไม่ใช่เป็นสิ่งที่มหาลัยมอบให้เพื่อจะได้เป็นเกียรติแห่งมหาลัยที่นิยมการแจกใบปริญญาเสียเอง
ปล. ในความเห็นส่วนตัว ปริญญากิตติมศักดิ์ ไม่จำเป็นต้องมอบในทุกปี ในปีไหนที่หาผู้ทรงคุณวุฒิอันเหมาะสมแก่ปริญญาไม่ได้ ปริญญากิตติมศักดิ์ก็ควรงดในการมอบ

พร้อมทิ้งท้ายอีกว่า อาตมาไม่ได้โยงอะไรหรอก อันนี้พูดแบบหลักการเลย มีแต่พวกโยมแหล่ะ ที่ชอบโยง แหม่ (หัวเราะ)