ไทยจะรอดไหม?!? ทรัมป์เล็งบีบคู่ค้าด้วยมาตรการภาษี ขึ้นบัญชีดำตีตรา ฐานปั่นค่าเงินหวังผลการค้า

1906

นักวิเคราะห์เตือนว่า ไทยเป็นประเทศหนึ่งที่จะถูกสหรัฐขึ้นบัญชีดำในฐานะประเทศที่ทำการบิดเบือนค่าเงิน เพื่อหวังผลทางการค้า จนส่งผลให้สหรัฐขาดดุลการค้าจำนวนมาก และจะประกาศรายชื่อประเทศที่จะถูก เก็บภาษีตอบโต้การทุ่มตลาดยางรถยนต์แข่งผู้ประกอบการสหรัฐ ในวันที่ 29 ธ.ค.นี้ แบบนี้เรียกว่าทำอยู่ข้างเดียวหรือไม่ ทำไมตั้งเป้าเรียกร้องเก็บภาษียางรถยนต์จากไทยสูงถึง 217% เรื่องนี้รัฐบาลไทย ผู้เกี่ยวข้องเตรียมมาตรการรองรับอย่างไร จับตาสหรัฐใช้กลยุทธบีบไทย ผ่านมาตรการกีดกันการค้าให้ทำตามที่ต้องการ หนุนพวกล่มชาติพร้อมเป็นทาสตะวันตก?

ไทยต้องเตรียมรับมือสองเรื่อง

1.ข้อหาปั่นค่าเงินเพื่อบีบด้วยมาตรการภาษี

เรื่องนี้กระทรวงการคลังสหรัฐมีกำหนดเปิดเผยรายงาน ว่าด้วยประเทศที่บิดเบือนค่าเงินในไม่ช้าเป็นการแทรกแซงค่าเงิน เพื่อหวังผลทางการค้า (currency manipulator) และอาจทำให้ไทยถูกกีดกันทางการค้าในรูปแบบอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ โดยสหรัฐมีหลักเกณฑ์ 3 ข้อในการตัดสินว่าประเทศใดเข้าข่ายเป็นประเทศที่ทำการปั่นค่าเงิน ได้แก่ 

1.ประเทศที่มีการเกินดุลการค้ากับสหรัฐมากกว่า 2 หมื่นล้านดอลลาร์ 

2.มีการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดมากกว่า 2% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) 

3.ธนาคารกลางของประเทศดังกล่าวได้เข้าแทรกแซงค่าเงิน และเข้าซื้อดอลลาร์เกินกว่า 2% ของ GDP

ประเด็นนี้นักวิเคราะห์เตือนไทยเสี่ยง

นายแบรด เซดเซอร์ อดีตนักเศรษฐศาสตร์ประจำกระทรวงการคลังสหรัฐ และเป็นสมาชิกในสภาวิเทศสัมพันธ์ของสหรัฐ กล่าวว่า ผลการวิเคราะห์พบว่า ไทย เวียดนาม และสวิตเซอร์แลนด์ต่างเข้าเกณฑ์ทั้ง 3 ข้อในไตรมาส 1 และ 2 ของปีนี้ ขณะที่ไต้หวันเข้าเกณฑ์ในไตรมาส 2 ซึ่งอาจส่งผลให้สหรัฐออกมาตรการทางภาษีเพื่อตอบโต้ประเทศทั้ง 4

2.เก็บภาษีตอบโต้ทุ่มตลาดยางรถยนต์

ทางการสหรัฐกำลังเดินหน้ากระบวนการพิจารณาจัดเก็บภาษีตอบโต้การทุ่มตลาด (AD) ต่อยางรถยนต์ที่นำเข้าจากไทย เวียดนาม เกาหลีใต้ และไต้หวัน เพื่อพิจารณาว่ามีการจำหน่ายยางดังกล่าวในราคาที่ต่ำกว่าระดับที่เหมาะสมหรือไม่ หลังจากที่ได้รับการร้องเรียนจากสหภาพแรงงานยูไนเต็ด สตีลเวิร์คเกอร์ (USW) ซึ่งเป็นตัวแทนของผู้ผลิตยางรถยนต์ของสหรัฐ ทั้งนี้ สหรัฐจะประกาศผลการพิจารณาจัดเก็บภาษี AD ต่อทั้ง 4 ประเทศในวันที่ 29 ธ.ค.2563

สหรัฐนำเข้ายางรถยนต์ราว 4 พันล้านดอลลาร์จากทั้ง 4 ประเทศ โดยนำเข้าเกือบ 2 พันล้านดอลลาร์จากไทยในปีที่แล้ว และ 1.2 พันล้านดอลลาร์จากเกาหลีใต้ USW ระบุว่า การนำเข้ายางรถยนต์จากทั้ง 4 ประเทศได้พุ่งขึ้นเกือบ 20% นับตั้งแต่ปี 2560 สู่ระดับ 85.3 ล้านเส้น หากการสอบสวนพบว่าทั้ง 4 ประเทศมีการทุ่มยางรถยนต์ราคาถูกในตลาดสหรัฐ รัฐบาลสหรัฐก็จะเรียกเก็บภาษี AD ต่อยางรถยนต์ที่นำเข้าจากประเทศดังกล่าว โดยในกรณีของไทย กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเรียกร้องให้มีการเก็บภาษีนำเข้าสูงถึง 217%

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 5 พ.ย. กระทรวงพาณิชย์สหรัฐประกาศจัดเก็บภาษีตอบโต้การอุดหนุนของรัฐบาล (CVD) ต่อยางรถยนต์ที่นำเข้าจากเวียดนาม โดยจะเรียกเก็บในอัตรา 6.23-10.08% ซึ่งการดำเนินการของสหรัฐในครั้งนี้ นับเป็นการใช้มาตรการดังกล่าวเป็นครั้งแรกเพื่อตอบโต้รัฐบาลต่างชาติที่จงใจลดค่าเงินเพื่อเอื้อต่อการส่งออกสินค้า โดยกระทรวงการคลังสหรัฐระบุว่า เวียดนามจงใจลดค่าเงินดองให้อ่อนค่าเกินจริงในปีที่แล้วเพื่อหวังผลทางการค้า

รายงานของกระทรวงการคลังระบุว่า เวียดนามได้จงใจลดค่าเงินดองราว 4.7% ในปีที่แล้ว เมื่อเทียบกับดอลลาร์ โดยรัฐบาลเวียดนามได้ทำการแทรกแซงค่าเงินดอง ด้วยการเข้าซื้อสกุลเงินตราต่างประเทศสุทธิคิดเป็นมูลค่า 2.2 หมื่นล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว โดยดำเนินการผ่านทางธนาคารกลางเวียดนาม

รายงานดังกล่าวเป็นรายงานที่กระทรวงการคลังสหรัฐจัดทำขึ้นเพื่อส่งไปยังกระทรวงพาณิชย์สำหรับการสอบสวนกรณีการนำเข้ายางรถยนต์จากเวียดนาม โดยกระทรวงการคลังสรุปว่าเวียดนามได้จำหน่ายยางรถยนต์ในสหรัฐในราคาที่ต่ำกว่าระดับที่เหมาะสม ซึ่งเป็นผลจากการที่รัฐบาลเวียดนามเข้าแทรกแซงในตลาดปริวรรตเงินตรา