จากที่ จตุพร พรหมพันธุ์ ประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ได้เปิดเผยปลายสัปดาห์นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ จะถูกปล่อยตัว แต่ต้องสวมกำไลเท้า ห้ามแสดงความเห็นทางการเมือง หรือออกนอกพื้นที่นนทบุรีไม่ได้
ต่อมามีรายงานข่าวจากกระทรวงยุติธรรมแจ้งว่า นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผ่านขั้นตอนการพิจารณาหลักเกณฑ์พักโทษครบถ้วนแล้ว และจะมีการปล่อยตัวออกจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ในวันที่ 17 ธ.ค. 63 เวลา 10.00 น. โดยต้องอยู่ในเงื่อนไขการคุมประพฤติต่อไปอีกระยะ
สำหรับนายณัฐวุฒิ ถูกคุมขังในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ตั้งแต่วันที่ 26 มิ.ย.63 หลังศาลฎีกาพิพากษาจำคุก 2 ปี 8 เดือน ในคดีการชุมนุมหน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์ เมื่อปี 2550 พร้อมกับ นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์, นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท, นพ.เหวง โตจิราการ และ นายนพรุจ หรือนพรุฒ วรชิตวุฒิกุล
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 4 ธ.ค.63 มีพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ 2563 จะมีผู้ต้องขังได้รับการปล่อยตัวออกจากเรือนจำประมาณ 30,000 ราย จากเรือนจำทั่วประเทศ ตามมาตรา 6. นอกจากนี้ ยังมีนักโทษเด็ดขาดที่ได้รับสิทธิ เข้าหลักเกณฑ์ลดวันต้องโทษ ตามพระราชกฤษฎีกา ฉบับดังกล่าวอีกกว่า 200,000 ราย
ขณะที่ผู้สื่อข่าวรายงานว่ากรมราชทัณฑ์มีผู้ต้องขังเด็ดขาด ที่ควบคุมอยู่ ประมาณ รวม 247,557 ราย จากผู้ต้องขังทั้งหมด 344,161 ราย จากข้อมูลกรมราชทัณฑ์ ณ วันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ.2563
นอกจากนีนักโทษรายสำคัญ ที่จะได้รับการลดโทษตามสัดส่วนคือนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ที่ถูกตัดสินจำคุก 6 ปี 24 เดือน เมื่อวันที่ 21 ม.ค.ที่ผ่านมาจะได้การลดโทษตามสัดส่วน ซึ่งก่อนหน้านั้น เมื่อเดือนสิงหาคม ก็ได้รับการลดโทษ ส่วนผู้ต้องขังซึ่งเป็นนักการเมืองส่วนใหญ่ ไม่อยู่ในเกณฑ์ได้รับการพระราชทานอภัยโทษปล่อยตัวออกจากเรือนจำ
เนื่องจากกระทำความผิดตามบัญชีแนบท้าย แต่จะได้รับการลดวันต้องโทษตามสัดส่วน เพื่อเข้าสู่กระบวนการพักการลงโทษปล่อยตัวก่อนครบกำหนดโทษ นักโทษกลุ่มแกนนำการชุมนุมก่อความไม่สงบปิดล้อมบ้าน พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ต้องโทษจำคุก 2 ปี 8 เดือน อาทิ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ได้ลดโทษ และนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ ได้รับการลดโทษตามสัดส่วนด้วย
