ปูตินสั่งเคลื่อนกำลังรบประจำคาลินินกราด!?! เผชิญหน้ากองกำลังนาโต้นับ 10,000 อ้างซ้อมรบประชิดชายแดน

2541

การเคลื่อนไหวเสริมกำลังทหารอย่างคึกคักของรัสเซีย เป็นไปเพื่อตอบสนองต่อการเสริมกำลังขององค์กรนาโตในพื้นที่ใกล้เคียง ส่งสัญญาณบางอย่างเกี่ยวกับสงครามที่ชาวโลกไม่ต้องการให้เกิดขึ้น เมื่อมหาอำนาจตะวันตกเคลื่อนไหวทางทหารถี่ในย่านเขตอิทธิพลของรัสเซีย ท่ามกลางการระบาดโควิด-19 ที่คุกคามชีวิตประชาชนของทุกประเทศไม่เว้นมหาอำนาจทั้งค่ายตะวันตก-ตะวันออก ด้านหนึ่งเชิญชวนให้ร่วมมือกัน และอีกด้านกลับเตรียมกำลังรบเพื่อประหัตประหารกัน ประเทศไทยเตรียมตัวรับมือกับสถานการณ์เช่นนี้อย่างไร  ขณะที่เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัว แต่การเมืองร้อนที่หนุนจากอิทธิพลภายนอกกำลังคุกคามทำลายโอกาสดีนี้อย่างต่อเนื่อง

ภูมิภาคคาลินินกราด ตั้งอยู่ริมฝั่งทะเลบอลติก ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศรัสเซีย ขนาบข้างด้วย 2 ประเทศสมาลิกสหภาพยุโรป ลิทัวเนียและโปแลนด์ 

รัสเซียขยับเสริมกำลังรบ

วันที่ 8 ธันวาคม 2563 สื่อต่างประเทศรายงานข่าวกรณีทางด้านกองทัพรัสเซีย ได้เสริมสรรพกำลังอาวุธเข้าสู่คาลินินกราดอย่างต่อเนื่อง โดยความเคลื่อนไหวดังกล่าวได้รับการยืนยันจากพล.ร.อ.อเล็กซานเดอร์ โนซาตอฟ ผู้บัญชาการกองเรือบอลติก ว่าเวลานี้ทางด้านกองทัพเรือรัสเซีย ได้มีการเสริมกำลังทหารเข้าสู่คาลินินกราด นอกจากนั้นแล้วยังมีการเสริมกำลังทหาร และรถถัง เข้าสู่พื้นที่ใกล้เคียงอย่างต่อเนื่อง

สำหรับการเสริมกำลังครั้งนี้ ประกอบไปด้วยรถถังรุ่น T-72 B3M จำนวน 30 คัน เรือคอร์แวตต์ติดขีปนาวุธร่อน และเครื่องบินรบ Su-30 SM ไม่ระบุจำนวน นอกจากนั้นแล้ว ยังมีการเปิดเผยเพิ่มเติมว่าการเสริมกำลังทหารสู่คาลินินกราด จะมีอีกระลอกในต้นปี 2564

ที่ผ่านมานั้นทางด้านรัสเซียประจำการทหารและอาวุธในคาลินินกราด จำนวนมากอยู่แล้ว เนื่องจากพื้นที่แห่งนี้ติดกับทะเลบอลติก และติดกับทางด้านลิทัวเนีย รวมถึงโปแลนด์ ซึ่งเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรป ในขณะที่ทางด้านกลุ่มนาโต เองได้มีการเสริมกำลังเข้าสู่โปแลนด์อย่างต่อเนื่องมาโดยตลอดเช่นเดียวกัน ดังนั้นบริเวณพรมแดนดังกล่าวระหว่างรัสเซีย กับยุโรป ทั้งสองฝ่ายมักจะเสริมกำลังอย่างต่อเนื่อง ขณะที่การเผชิญหน้าของทั้งสองฝ่ายก็เกิดขึ้นต่อเนื่องเช่นเดียวกัน

สำหรับคาลินินกราดทางด้านรัสเซียยึดมาจากเยอรมนี ในช่วงใกล้สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 และรัสเซียได้ใช้พื้นที่แห่งนี้เป็นที่ตั้งของกองบัญชาการกองเรือบอลติก กองทัพเรือรัสเซีย

นาโต้แสดงแสนยานุภาพขย่มรัสเซียต่อเนื่อง

เดือนตุลาคมที่ผ่านมา สำนักข่าวRT ของรัสเซียอ้างคำกล่าวของเซอร์เก ชอยกู รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมรัสเซียที่เปิดเผยในรายการโทรทัศน์แห่งชาติว่า กองกำลังทางอากาศของกลุ่มทหารนาโต (NATO) ที่นำโดยสหรัฐไม่เพียงแต่เสริมกำลังคอยเฝ้าระวังตามแนวพรมแดนของรัสเซียเท่านั้น แต่ตอนนี้ยังซ้อมการโจมตีรัสเซียบ่อยอีกด้วย

ชอยกูกล่าวว่าเขาสังเกตพบว่ามีการเสริมกำลังตามแนวชายแดนรัสเซียและยังมีการซ้อมรบทางอากาศตามแนวชายแดนรัสเซียรวมถึงการป้องกันการโจมตีทางอากาศด้วย โดยเมื่อเดือนสิงหาคมกิจกรรมในทำนองดังกล่าวเพิ่มขึ้นประมาณ 30% เมื่อเทียบกับเดือนสิงหาคม 2019

นอกจากนี้เครื่องบินของนาโตยังซ้อมทำการโจมตีทางอากาศอย่างหนักหน่วงขึ้นและยังทำการยิงขีปนาวุธจำลองเพื่อซ้อมยิงเป้าหมายภายในรัสเซียเป็นประจำ

“สิ่งที่น่าตกใจที่สุดก็คือ ก่อนหน้านี้มีแต่เครื่องบินลาดตระเวนเป็นหลักและบินไม่บ่อยนัก แต่ตอนนี้พวกเขาได้เริ่มเที่ยวบินฝึกซ้อมเป็นประจำโดยใช้เครื่องบินจำนวนมากพร้อมๆ กับที่มีการโจมตีด้วยขีปนาวุธจำลอง” ชอยกูระบุ

RT รายงานว่าในช่วงเดือนตุลาคม เครื่องบินของรัสเซียและนาโตเผชิญหน้ากับหลายครั้งในบริเวณใกล้เคียงกับพรมแดนของรัสเซีย ล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อเดือนตุลาคมเมื่อเครื่องบินทิ้งระเบิดยุทธศาสตร์ B-52H ของกองทัพอากาศสหรัฐที่สามารถติดตั้งและใช้งานนิวเคลียร์ได้จำนวน 3 ลำได้โฉบเข้าใกล้ชายแดนของรัสเซียผ่านน่านฟ้าของยูเครน แต่ถูกสกัดกั้นโดยเครื่องบินขับไล่ของรัสเซีย 8 ลำและเตือนให้บินห่างจากชายแดน

สหรัฐเคลื่อนย้ายกำลังพลและอาวุธประชิดชายแดนเบลารุส

5 กันยายน 2563 กระทรวงกลาโหมของลิทัวเนียออกแถลงการณ์ กรณีสหรัฐอเมริกาได้ส่งทหารจำนวนหลายร้อยนาย พร้อมด้วยสรรพาวุธ และรถถังเอบราม มากกว่า 20 คัน เดินทางข้ามพรมแดนจากโปแลนด์มายังลิทัวเนีย เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการฝึกซ้อมรบโดยภารกิจดังกล่าวจะดำเนินเรื่อยไปจนถึงเดือนพฤศจิกายน แต่จนบัดนี้ยังไม่ถอนทหารออกแต่อย่างใด

ความเคลื่อนไหวครั้งนี้สอดคล้องกับทางด้าน พล.อ.เซอร์เก ชอยกู รัฐมนตรีกลาโหมของรัสเซีย ได้ให้สัมภาษณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าเวลานี้ทางด้านกองกำลังขององค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือนาโต ได้มีการเคลื่อนกำลังพลเข้ามาประจำการตามหลายประเทศในยุโรปตะวันออกมากกว่า 10,000 นายแล้ว และส่วนใหญ่เป็นทหารอเมริกัน และมีแนวโน้มจะมีการเสริมกำลังอีกในระยะเวลาอันใกล้นี้

ขณะนี้ก่อนหน้านี้ทางด้าน ทางด้านประธานาธิบดีอเล็กซานเดอร์ ลูคาเชนโก ผู้นำของเบลารุส ก็เพิ่งจะออกมาบอกก่อนหน้านี้ว่าความขัดแย้งในประเทศของตนนั้นเกิดจากความเคลื่อนไหวภายนอก ซึ่งเบลารุสมีพรมแดนติดกับประเทศลิทัวเนีย และ ผู้นำฝ่ายค้านที่ปลุกให้ประชาชนออกมาประท้วงผลการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2563 นั้น ปัจจุบันก็หลบหนีออกนอกประเทศไปอยู่ที่ลิทัวเนียเช่นกัน