มีรายงานความคืบหน้ากรณีตำรวจตรวจคนเข้าเมือง จ.เชียงราย กรมควบคุมโรคติดต่อ จ.เชียงราย ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคงแม่สาย จ.เชียงราย ร่วมกันควบคุมตัวและสอบสวน 4 คนไทยที่ลักลอบเข้าทางลำน้ำเมย ซึ่งทั้งหมดเคยทำงานร้านคาราโอเกะ เมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา ฝั่งตรงข้าม อ.แม่สอด จ.ตาก ร้านเดียวกับสาวเชียงใหม่ อายุ 29 ปี ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
โดยทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย รายงานผลการตรวจหาเชื้อ COVID-19 พบว่าหญิงไทย 3 คน และสาวประเภทสอง 1 คนที่ลักลอบเข้าประเทศ และเข้ามาท่องเที่ยวในพื้นที่ อ.แม่สาย อ.แม่จัน มีผลการตรวจ COVID-19 เป็นลบ คือไม่ติดเชื้อ ขณะนี้ได้รับการกักตัว (Local Quarantine)แล้ว
ก่อนหน้านี้ทางด้านร.อ.พิสิฐ อภิเดชผบ.ร้อย.ม.3 บก.ควบคุมที่ 2 ฉก.ม.3 กองกำลังผาเมือง เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง (ตมง) จ.เชียงรายกรมควบคุมโรคติดต่อ ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง อ.แม่สาย จ.เชียงราย ร่วมกันควบคุมตัวและสอบสวนชายหญิงจำนวน 4 คน หลังจากเจ้าหน้าที่สืบทราบคนกลุ่มนี้เคยไปทำงานในประเทศเพื่อนบ้านและเดินทางเข้าออกตามช่องทางธรรมชาติในช่วงที่มีการระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งจากการสอบปากคำเบื้องต้นทราบว่าเคยทำงานไปทำงานในฝั่งประเทศเมียนมาจริง โดยทำงานอยู่ที่ร้านคาราโอเกะแห่งหนึ่ง เมืองเมียวดี ฝั่งตรงข้าม อ.แม่สอดจ.ตาก
จากนั้นเดินทางกลับเข้ามาประเทศไทยด้วยการลักลอบข้ามลำน้ำเมยตรงท่าข้ามผิดกฎหมายเมื่อวันที่ 24 พ.ย.ที่ผ่านมาก่อนจะเดินทางไปเที่ยว อ.แม่สายเมื่อวันที่ 26 พ.ย.และเข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่ง กระทั่งกำลังจะเดินทางกลับ
อย่างไรก็ตามทางด้านเจ้าหน้าที่ได้ตั้งข้อหาทั้งหมดว่าไม่เดินทาง เข้ามาใน หรือออกไปนอกราชอาณาจักร ตามช่องทางด่านตรวจคนเข้าเมือง เขตท่าและสถานี หรือท้องที่ที่กำหนด ตามพระราชบัญญัติตรวจคนเข้าเมือง พ.ศ.2522 มาตรา 11
ล่าสุดพล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้เปิดเผยถึงกรณีการดูแลชายแดนภายหลังมีคนไทยลักลอบเข้าประเทศโดยไม่ผ่านการกักตัว 14 วัน ว่า กลุ่มคนไทย เข้าไปทำงานในประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งจะรู้ตัวหรือไม่ ไม่รู้ตัวว่า ตนเองติดเชื้อก็ข้ามฝั่งมา เพื่อต้องการเข้ามารักษาตัวในประเทศไทย เนื่องจากมาตรการสาธารณสุขของไทยดีที่สุด แต่เมื่อกลับมาไม่ได้มีการแจ้งก็สร้างความเดือดร้อนให้กับคนอื่น ต้องเข้าใจว่าชายแดนมีพื้นที่กว้างจะให้ทหารกำลังไปยืนทุกจุดนั้น ไม่สามารถทำได้
พร้อมยอมรับว่าไม่สามารถป้องกันได้ 100 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งทุกภาคส่วนกำลังช่วยเหลือกัน เพราะคนกลุ่มดังกล่าวไม่ได้ตระหนัก โดยเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่ และเชียงราย ที่อยู่ในช่วงการท่องเที่ยวขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้ดีขึ้น
นอกจากนี้ยังพบว่า มีบางคนนำข้อความไปโพสต์ในโซเชียลมีเดียใส่ร้ายการทำงานของเจ้าหน้าที่ทำนองว่ารับสินบน เพื่อให้เดินทางเข้ามาในประเทศโดยไม่ต้องกักตัว
“ผมยืนยันได้ว่า ตั้งแต่มีโควิด-19 ระบาด ไม่มีเจ้าหน้าที่ทหารคนไหนไปรับสินบน”
ทั้งนี้ ได้ติดตามร่องรอยการโพสต์ข้อความดังกล่าว ซึ่ง พล.ท.อภิเชษฐ์ ซื่อสัตย์ แม่ทัพภาคที่ 3 ส่งชุดปฏิบัติการลงไปในพื้นที่เพื่อสอบสวนเส้นทางโรคติดต่อและการโพสต์ข้อความบิดเบือนดังกล่าว ซึ่งทราบว่าเป็นการรับฟังต่อ ๆ กันมาและนำไปโพสต์
เมื่อมีการตรวจสอบสอบเส้นทาง ก็พบอีกว่าฝั่งประเทศเพื่อนบ้านมีการรับเงิน เพื่อเปิดทางให้คนเหล่านี้ข้ามเข้ามาฝั่งไทย ตรงนี้เราไปจัดการไม่ได้ เพราะไม่ได้อยู่ในพื้นที่ของเรา แต่ฝั่งของเราได้พบคนพวกนี้หมดแล้วที่นำพาคนเข้ามา โดยเจ้าตัวก็ไม่ทราบว่าบุคคลดังกล่าวเดินทางมาจากไหน เพียงแต่รับค่าจ้างมา
อีกทั้งกองทัพภาคที่ 3 ได้เพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ลาดตระเวน แล้ว แต่ไม่สามารถเอาลวดหนามไปทำรั้วได้เพราะตลอดชายแดนแนวมันยาวมาก นอกจากนี้ทุกภาคส่วนเมื่อทราบว่าจุดอ่อนเราคืออะไร ทุกคนก็ต้องช่วยกันปิดจุดอ่อนนั้น
“ผมขอฝากให้ความเป็นธรรมกับเจ้าหน้าที่ด้วย ไม่ใช่ฟังมาแล้วก็โพสต์ว่าเจ้าหน้าที่รับเงิน ในขณะที่เจ้าหน้าที่ทำงานเหน็ดเหนื่อย”
ทั้งนี้เส้นทางธรรมชาติ ไม่ได้มีเฉพาะช่องทางหลักที่ทางการเปิดให้ผ่านเข้าออก หรือช่องทางที่เจ้าหน้าที่ รับทราบ แต่ยังมีช่องทางอื่น ๆ อีกมากมายที่เดินทางเข้ามาได้ โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือ และเป็นช่องทางดั้งเดิมที่คนพื้นที่รู้ดีมากกว่าทหารที่ต้องสับเปลี่ยนกำลังทุกวงรอบ
“พื้นที่ช่องทางธรรมชาติ มีปัญหาตั้งแต่อดีตที่มีการล่าอาณานิคมแล้วนำเส้นทางธรรมชาติ ไปเป็นเขตแดนจนทำให้เกิดปัญหามาถึงทุกวันนี้ นี่ คือผลที่ประเทศไทยได้รับการจากโดนคุกคาม ตั้งแต่อดีต ของพวกจักรวรรดิล่าอาณานิคม”
