ชาญวิทย์ โหนม็อบ ชม เอาผ้าคลุมทับอนุสาวรีย์ฯ เพิ่มความขลัง

3870

ชาญวิทย์ โหนม็อบ ชมเอาป้ายผ้าคลุมทับอนุสาวรีย์เพิ่มความขลัง ลั่น อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ขลังขึ้นๆจนกลายเป็นที่ชุมนุมใหญ่ ศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาปีแล้วปีเล่า

จากกรณีที่เมื่อวานนี้ มีการจัดชุมนุมของม็อบนักเรียนเลว บริเวณหน้ากระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ถนนราชดำเนินกลางต่อเนื่องไปยังอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ทั้งนี้ นายธนาธร จึงรุ่งเรือง แกนนำคณะก้าวหน้า เดินทางเข้ามาในพื้นที่การชุมนุมม็อบเฟสต์  เพื่อสังเกตการณ์การชุมนุมในวันนี้ พร้อมระบุว่า การชุมนุมเป็นไปอย่างสร้างสรรค์ ปราศจากการยั่วยุ และความรุนเเรง ทั้งนี้ได้มีการนำผ้าไปคลุมและปีนขึ้นไปบนอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย

ทางด้าน นายชาญวิทย์ เกษตรศิริ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได่โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊ค ถึงกรณีที่กลุ่มผู้ชุมนุมได้นำผ้าขึ้นไปคลุมอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยระบุข้อความว่า

Thailand Democracy Monument and Burma Shwe Dagon (อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยและเจดีย์ชเวดากอง เมียนมาร์) ครั้งหนึ่ง นานมาแล้ว Aj. Craig Reynolds – Australia เคยเปรียบเทียบวัฒนธรรมสถานทั้งสองนี้ว่ามีความหมาย คล้ายคลึงกัน ในฐานะเป็นสัญลักษณ์ของการต่อสู้เพื่อสิทธิ เสรีภาพ เสมอภาค

เมื่อฟังแรก ๆ ผมไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไร ผมคิดว่ามหาเจดีย์ชเวดากอง ขลังกว่า ส่วนอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ขลังน้อยกว่า หลายสิบปีผ่านไป ผมก็เริ่มเปลี่ยนใจ อนุสาวรีย์ของไทย ค่อยๆถูกต่อเติมความขลัง เพิ่มขึ้นที่ละเล็กทีละน้อย จากการเป็นจุดชุมนุมใหญ่ของเหตุการณ์ 14 ตุลา 2516 จากการแบกศพวีรชน ห่อผ้าขึ้นไปฟ้องประชาชนในเหตุการณ์ ครั้งนั้น จากการดัดแปลงให้กลายเป็นสวนดอกไม้ จากการกีดกันประชาชนออกไปให้ห่าง แม้แต่การเสนอให้ดัดแปลง เปลี่ยนรัฐธรรมนูญและพานแว่นฟ้า ให้เป็นพระรูป รัชกาลที่ 7 บ้าง หรือไม่ก็ให้ทุบทิ้งจากการพยายามลดบารมี รัศมีของจอมพล ป.พิบูลสงคราม ผู้ดำริให้ก่อสร้าง 2483/1940

แต่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ก็กลับขลังขึ้นๆจนกลายเป็นที่ชุมนุมใหญ่ เกิดเหตุการณ์ใหญ่ๆ กลายเปนภาพ background ที่ขลัง ศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาปีแล้วปีเล่า

จากช่วงทศวรรษ 2530s ถึง 2550s จนกระทั่ง 2560s ในทุกวันนี้ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนินกลาง คงทุบทิ้งไปง่าย ๆ ไม่ได้แล้ว ครับ
เหตุการณ์จากการชุมนุมเมื่อ 14 พ.ย. 2563 บอกเราว่า ความเปลี่ยนแปลงทางการเมือง change เดินทางมาถึงแล้วครับ