ม็อบเหิมยื่น4ข้อต้องแก้รธน.หมวดสถาบัน ห้ามปัดตก-ห้ามแปรญัตติฉบับไอลอว์

3673

จากที่มีการชุมนุม Mob Fest โดยได้หันหลังชู 3 นิ้ว เมื่อขบวนเสด็จผ่าน และมีการนำผ้าขาวคลุมอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ทั้งประกาศหนุนแก้รัฐธรรมนูญทุกมาตรา ห้ามปัดตกร่างประชาชน ขณะธนาธรพร้อมครอบครัวโผล่ร่วม

ทั้งนี้เมื่อวันที่ 14 พ.ย. 2563 ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถ.ราชดำเนิน เครือข่ายผู้ชุมนุมต่อต้านรัฐบาลหลายองค์กร ร่วมกันจัดกิจกรรมชุมนุม Mob Fest #แก้ได้ถ้าแก้รัฐธรรมนูญ เพื่อปราศรัยเรียกร้องในประเด็นต่างๆ ทั้งการเมืองและปัญหาสิทธิด้านอื่นๆ รวมถึงมีการแสดงดนตรีและแสดงผลงานศิลปะ ต่อมาเวลา 14.45 น. ภายหลังรถขบวนของกลุ่มนักเรียนเลว ซึ่งนัดชุมนุมกันที่หน้ากระทรวงศึกษาธิการในเวลา 13.00 น. และได้เดินทางมาถึงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยร่วมกับ Mob Fest ได้มีการนำป้ายผ้าสีขาวขนาดยักษ์มาปูลงบนพื้น เพื่อให้ผู้ชุมนุมพ่นสีและเขียนข้อความเรียกร้องต่างๆ

เวลา 15.30 น. ตำรวจชุดประชาสัมพันธ์จากกองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้ประกาศแจ้งยืนยันการชุมนุมในวันนี้ ผู้จัดการชุมนุมได้แจ้งการชุมนุมตาม พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ แล้ว พร้อมชี้แจงขอความร่วมมือไม่เคลื่อนขบวนและดูแลป้าย การปราศรัย ไม่ให้มีข้อความส่อเสียดยุยงปลุกปั่น ซึ่งในเวลา 16.50 น. นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า สวมแว่นดำกับแมสดำ พร้อมครอบครัวได้ปรากฏตัวในการชุมนุม Mob Fest ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยมิได้ให้สัมภาษณ์ใดๆ

ขณะที่ในเวลาประมาณ 17.30 น. มีขบวนเสด็จผ่านอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย กลุ่มผู้ชุมนุม Mob Fest ได้หันหลังชูสามนิ้วพร้อมเคารพธงชาติขณะขบวนเสด็จผ่าน และในเวลาประมาณ 18.00 น. กลุ่มการ์ดผู้ชุมนุมได้นำป้ายผ้าสีขาวขนาดยักษ์ที่ให้ผู้ชุมนุมเขียนข้อความในช่วงบ่ายเข้าไปคลุมตัวอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย

ต่อมากลุ่ม Mob Fest ได้ออกแถลงการณ์มีเนื้อหาเรียกร้องตามหลักการ 4 ข้อ สรุปได้ว่า 1.สมาชิกรัฐสภาต้องเปิดทางสู่การร่างรัฐธรรมนูญใหม่ในทุกหมวดทุกมาตรา 2.นายกฯ ต้องลาออก และเปิดทางแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อร่างใหม่ทั้งฉบับ 3.ร่างรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนต้องไม่ถูกปัดตกในสภา และต้องไม่ถูกแปรญัตติให้เป็นอื่น 4.รัฐธรรมนูญทุกหมวดที่เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ จะต้องถูกนำมาพิจารณาใหม่ให้สมเหตุสมผล ทันต่อยุคสมัย

เมื่อเวลา 01.00 น.ผู้ชุมนุมกลุ่มราษฎร ที่บริเวณแยกผ่านฟ้าลีลาศ วงเวียนอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และ แยกคอกวัว ได้ทำกิจกรรมปิดท้ายก่อนยุติการชุมนุมโดยได้ปราศรัยถึงชัยชนะที่ได้รับ แม้ว่ารัฐบาลจะยังไม่ลาออกตามข้อเรียกร้อง แต่การชุมนุมที่ผ่านมาก็ทำให้สังคมพูดถึงเรื่องความเหลื่อมล้ำทางสังคม และวิพากษ์วิจารณ์ในหลายๆเรื่องได้มากขึ้น ซึ่งก็มองว่าผลรับที่ออกมาจึงแสดงถึงชัยชนะของกลุ่ม และจนถึงขณะนี้ก็ยังยืนยัน 3 ข้อเรียกร้องเหมือนเดิม

นอกจากนี้ยังขอให้ประชาชน และผู้ชุมนุมเขียน 3 ข้อเรียกร้องของตัวเองในโซเชียลมีเดียของตัวเอง พร้อมแอชแท๊ค #สภาจงฟัง และขอให้จับตารัฐสภาที่จะมีการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับ “ไอลอว์” ซึ่งเป็นฉบับที่ระดมรายชื่อประชาชนกว่า 1 แสนรายชื่อ ให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ในวันที่ 17-18 พฤศจิกายนนี้

จากนั้นผู้ปราศรัยก็ได้ให้ผู้ชุมนุมที่ยังเหลืออยู่ชู 3 นิ้ว  และพูดพร้อมกันว่า “สภาจงฟัง” จำนวน 3 ครั้ง ก่อนที่กลุ่มผู้ชุมนุมจะนำป้ายผ้าสีขาวที่เขียนข้อความเสนอแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญ และนำไปปิดรอบอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยตั้งแต่ช่วงค่ำที่ผ่านมาออกจากอนุสารีย์ประชาธิปไตย และแยกย้ายกันกลับบ้าน

อย่างไรก็ตามหลังจากที่กลุ่มผู้ชุมนุมแยกย้ายกันกลับแล้ว  ตำรวจชุดอีโอดี ได้เข้าตรวจสอบบริเวณพื้นที่โดยรอบเพื่อหาวัตถุต้องสงสัย และเพิ่มความปลอดภัย ขณะที่กรุงเทพมหานครได้เข้ามาเก็บกวาดทำความบริเวณจุดที่ชุมนุม พร้อมนำรถขยะมาเก็บขยะออกไป  จากนั้นก็ได้มีการเปิดการจราจรตามปกติในเวลา 02:00 นาฬิกา