จีนตอกหน้าทรัมป์ แสดงความยินดีกับไบเดนและแฮร์ริสแล้ว หลังสงวนท่าทีมาระยะหนึ่ง แจงเคารพการตัดสินใจเลือกของชาวอเมริกัน หลังทรัมป์ออกคำสั่งห้ามนักลงทุนสหรัฐลงทุนบริษัท 31 แห่งที่เอี่ยวกองทัพจีน ทิ้งทวนก่อนหมดอำนาจ แม้ผลการเลือกตั้งยังไม่ประกาศอย่างเป็นทางการ แต่การอาละวาดของทรัมป์ทั้งภายในประเทศและกับจีน ยิ่งทำให้ไบเดนโดดเด่นในเวทีสากลมากยิ่งขึ้น
#FMsays FM spokesman Wang Wenbin said on Friday China respected the choice of the American people and extended congratulations to Joe Biden and Kamala Harris. He added China understands that the presidential election result will be determined following the US laws and procedures. pic.twitter.com/eosB6RZFSN
— China Daily (@ChinaDaily) November 13, 2020
กระทรวงต่างประเทศของจีนแถลงแสดงความยินดีที่นายโจ ไบเดน อดีตรองประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครตชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐปี 2563 ได้เป็นประธานาธิบดีคนใหม่แทนที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ พร้อมทั้งแสดงความยินดีต่อวุฒิสมาชิกคามาลา แฮร์ริส ที่คว้าชัยในศึกเลือกตั้งครั้งนี้ ได้นั่งเก้าอี้รองประธานาธิบดีสหรัฐ
นายหวัง เหวินปิน โฆษกกระทรวงต่างประเทศของจีน กล่าวว่า“เราเคารพการตัดสินใจและการเลือกของชาวอเมริกัน และขอแสดงความยินดีต่อนายไบเดนและนางแฮริสที่คว้าชัยชนะในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐปีนี้”
แถลงการณ์จากกระทรวงต่างประเทศของจีน มีขึ้นหลังจากนายไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีคนที่ 46 ของสหรัฐได้รับโทรศัพท์แสดงความยินดีจากผู้นำหลายประเทศทั่วโลก ในขณะที่กำลังเตรียมกระบวนการส่งมอบอำนาจจากประธานาธิบดีทรัมป์ ก่อนจะถึงพิธีปฏิญาณตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีในวันที่ 20 ม.ค.
คณะทำงานส่งมอบอำนาจประธานาธิบดีของนายไบเดน และ ส.ว. แฮร์ริส เปิดเผยเมื่อวันพฤหัสบดี (12พ.ย.)ว่า นายไบเดนได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับนายสก็อตต์ มอร์ริสันนายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย นายโยชิฮิเดะ ซูกะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น และนายมุน แจ-อิน ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ เมื่อวันพุธ(11พ.ย.) โดยทุกคนต่างแสดงความยินดีต่อชัยชนะของนายไบเดน
นอกจากนั้น ผู้นำประเทศพันธมิตรของสหรัฐดังกล่าวยังได้หารือกับนายไบเดนในประเด็นต่าง ๆ ตั้งแต่ปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลก การระบาดของโควิด-19 และการสร้างระบอบประชาธิปไตยที่แข็งแกร่ง ก่อนหน้านี้ นายไบเดนได้รับโทรศัพท์แสดงความยินดีจากผู้นำอังกฤษ แคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี ตุรกี และไอร์แลนด์
ทรัมป์ต้องไม่ชอบสิ่งนี้
โจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ ได้สนทนาทางโทรศัพท์กับสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ประมุขแห่งคริสตจักรโรมันคาทอลิก โดยนายไบเดนได้กล่าวขอบคุณสมเด็จพระสันตะปาปาที่ทรงอำนวยพรและแสดงความยินดี
“ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐได้แสดงความปรารถนาที่จะทำงานด้วยกันเพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ เช่น การให้ความช่วยเหลือพลเมืองชายขอบและผู้ยากไร้ การแก้ไขวิกฤติการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ การเปิดรับและให้ความช่วยเหลือผู้อพยพและผู้ลี้ภัยเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในประชาคมของเรา ภายใต้ความเชื่อที่มีร่วมกันว่ามนุษย์ทุกคนต่างมีศักดิ์ศรีและเท่าเทียมกัน” ข้อความจากการสนทนาเผย
สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสนับเป็นผู้นำโลกคนล่าสุดที่ตอบรับการเข้ามาบริหารงานในอนาคตของนายไบเดน การสนทนาระหว่างทั้งสองฝ่ายเกิดขึ้นหลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ข้องใจในความโปร่งใสของการเลือกตั้งประธานาธิบดี และได้ยื่นฟ้องในรัฐสมรภูมิ (Battleground State) เนื่องจากปธน.ทรัมป์ไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง แม้ว่านายไบเดนได้รับคะแนนเสียงจากคณะผู้เลือกตั้งสูงกว่าก็ตาม
ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนก.ย.ที่ผ่านมา สำนักวาติกันได้ปฏิเสธนายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐไม่ให้เข้าพบสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส โดยสำนักวาติกันระบุว่า นายปอมเปโอ ซึ่งเดินทางมาเพื่อปฏิบัติภารกิจทางการทูต หวังใช้การเข้าพบสมเด็จพระสันตะปาปาเพื่อเรียกคะแนนเสียงก่อนวันเลือกตั้งของคณะทำงานปธน.ทรัมป์ คณะบริหารของปธน.ทรัมป์มีความเห็นที่ไม่ลงรอยกันกับสำนักวาติกันในหลายประเด็น และเรียกร้องให้สมเด็จพระสันตะปาปามีท่าทีที่แข็งกร้าวกับจีน
ฟาดหางทิ้งทวนกับจีน
วันที่ 13 พ.ย.2563 ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามในคำสั่งพิเศษของประธานาธิบดี สั่งห้ามนักลงทุนสหรัฐอเมริกา ลงทุนในบริษัทจีนที่รัฐบาลสหรัฐระบุว่า เป็นเจ้าของหรือถูกควบคุมโดยกองทัพจีนจำนวน 31 บริษัท ซึ่ง จะมีผลตั้งแต่วันที่ 11 ม.ค. 2564 เป็นต้นไป
บริษัทของจีนที่อยู่ในบัญชีดำมีทั้งหมด 31 แห่ง ได้แก่ บริษัทที่ทำธุรกิจด้านโทรคมนาคม เทคโนโลยีด้านอวกาศ และธุรกิจก่อสร้าง นักลงทุนจะมีเวลาจนถึงเดือนพฤศจิกายน 2021 ในการถอนตัวออกจากบริษัท ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์รายใหญ่ของจีนรวมถึงหัวเว่ย, ฮิควิชัน, ไชน่าเทเลคอม และไชน่าโมบายล์
โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ระบุว่า รัฐบาลจีนเอาเปรียบนักลงทุนสหรัฐฯเพื่อจัดหาเงินทุนในการพัฒนาและปรับปรุงกองทัพให้ทันสมัย พร้อมอ้างว่า บริษัทจีนถูกบังคับให้สนับสนุนกองทัพและกิจกรรมข่าวกรอง ขณะเดียวกันบริษัทจีนก็พยายามระดมเงินทุนด้วยการขายหลักทรัพย์ให้นักลงทุนสหรัฐฯ