จากที่วันนี้ (13 พ.ย.) พลตำรวจตรีปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล แถลงมาตรการรองรับสถานการณ์การชุมนุมในวันพรุ่งนี้จะมีการชุมนุม 3 กลุ่ม กลุ่มแรกคือกลุ่มนักเรียนเลวที่หน้ากระทรวงศึกษาธิการ จะมีการเดินขบวนไปอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
“กลุ่มที่ 2 คือกลุ่มผู้หญิงปลดแอก บริเวณแยกคอกวัว และกลุ่มที่ 3 คือ MOB FEST ที่จัดกิจกรรมเชิญทั้งคณะรัฐมนตรี ส.ว. และ ส.ส. มาร่วมรับฟังปัญหาที่แท้จริงของราษฎร โดยจะจัดขึ้นที่ทางเท้าอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ฝั่งร้าน McDonald’s ตั้งแต่เวลา 14:00 น ถึง 24:00 น ซึ่งมีเพียงกลุ่ม MOB FEST ที่แจ้งการชุมนุมต่อเจ้าหน้าที่โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการกำหนดเงื่อนไขการชุมนุม”
ด้านพลตำรวจตรีจิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า ในวันพรุ่งนี้ตำรวจจะไม่มีการปิดการจราจร เว้นแต่ผู้ชุมนุมจะลงมาชุมนุมกีดขวางการจราจร แต่แน่นอนว่าการชุมนุมจะกระทบต่อเส้นทางต่างๆ ดังนั้นจึงขอให้ประชาชนหลีกเลี่ยงเส้นทางที่อาจได้รับผลกระทบจากการชุมนุม ได้แก่ ถนนราชดำเนิน / ถนนสมเด็จพระปิ่นเกล้า / ถนนวิสุทธิกษัตริย์ / ถนนจักรพรรดิพงษ์ / ถนนหลานหลวง / ถนนดินสอ / ถนนตะนาว / สะพานพระราม 8 และ สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า ตั้งแต่เวลา 12 นาฬิกา ของวันพรุ่งนี้เป็นต้นไป
ขณะที่การเตรียมกำลัง เจ้าหน้าที่ได้จัดกำลัง 34 กองร้อย ดูแลรักษาความปลอดภัย โดยแบ่งพื้นที่ออกเป็น 3 โซน ชุดแรกดูแลตั้งแต่บริเวณถนนราชดำเนินตั้งแต่พระลานพระราชวังดุสิต ไปจนถึงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย / ชุดที่ 2 ดูแลอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยและพื้นที่โดยรอบไปจนถึงสนามหลวง / ชุดที่ 3 เป็นชุดแก้ปัญหากรณีผู้ชุมนุมเคลื่อนไหวไปยังพื้นที่อื่นๆ ส่วนการตั้งเครื่องกีดขวางนั้นยังไม่มีกำหนด แต่เจ้าหน้าที่อาจมีการใช้กำลังควบคุมฝูงชนยืนตั้งแนว เพื่อให้เกิดความเป็นระเบียบ
ส่วนจะมีการนำรถเมล์ขสมก.มาใช้เป็นเครื่องกีดขวางด้วยหรือไม่ ต้องดูที่ความเหมาะสมเป็นหลัก ซึ่งไม่ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเป็นผู้นำรถมาหรือไม่ แต่หากมีผู้ใดทำให้รถเสียหายก็ต้องรับผิดชอบทั้งทางแพ่งและทางอาญา ซึ่งความเสียหายที่เกิดขึ้นจะถูกใช้เป็นหลักฐานในการดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด ส่วนมาตรการควบคุมฝูงชนอื่นๆนั้นก็จะพิจารณาตามสถานการณ์การชุมนุม หากสถานการณ์เกิดความรุนแรง ก็อาจต้องพิจารณาใช้มาตรการฉีดน้ำไปตามขั้นตอน
สำหรับภาพรวมการดำเนินคดีกับผู้ชุมนุมเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ในพื้นที่ของสน.สำราญราษฎร์ จะดำเนินคดีกับผู้ที่ฝ่าฝืน พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ จำนวน 14 ราย ส่วนสน.ชนะสงคราม จะดำเนินคดีกับผู้ที่กระทำความผิดตามพรบ.ความสะอาดจำนวน 3 คนจากกรณีนำตู้ไปรษณีย์ราษฎรไปวางบริเวณสนามหลวง ส่วนจดหมายที่อยู่ภายในตู้นั้นอยู่ระหว่างตรวจพิสูจน์ เพื่อใช้เป็นหลักฐานส่งให้สน.สำราญราษฎร์ ดำเนินคดีกับผู้ที่เขียนจดหมายตามพ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะเพิ่มเติม
ส่วนการทำร้ายร่างกายนางสาวฐิติมา หรือ น้องแบม บุตรดี อายุ 19 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 1 มหาวิทยาลัยรามคำแหง ขณะนี้ตำรวจคาดว่ามีผู้กระทำความผิดรวมทั้งสิ้น 11 คน พิสูจน์ทราบตัวบุคคลได้แล้ว 2 คน และมีการดำเนินคดีไปแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการออกหมายเรียกคนที่อยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุม เพื่อพิสูจน์ทราบผู้กระทำความผิดที่เหลืออีก 9 คน มาดำเนินคดีในข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกาย ร่วมกันชุมนุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป เพื่อก่อความไม่สงบในบ้านเมือง
ด้าน พันตำรวจเอกกฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยกรณีผู้ชุมนุมเสื้อเหลืองล้อมรถของประชาชนที่จังหวัดนครศรีธรรมราช เพราะเข้าใจผิดคิดว่าเป็นรถของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ โดยระบุ หากมีความเสียหายเกิดขึ้นกับตัวรถ ก็จะเข้าข่ายความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ หากมีคำพูดไม่เหมาะสม ด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคาย ก็จะเข้าข่ายดูหมิ่นซึ่งหน้า ซึ่งอยู่ระหว่างรอให้ผู้เสียหายมาแจ้งความดำเนินคดี ส่วนความผิดอื่นๆ เช่น ก่อความวุ่นวายให้เกิดความไม่สงบขึ้นในบ้านเมือง ก็ต้องดูตามข้อเท็จจริง ว่าผู้ชุมนุมมีเจตนาให้เกิดความวุ่นวายหรือไม่ จึงยังไม่สามารถตอบได้ในขณะนี้