เมื่อจอมหัวร้อนทรัมป์ฯ เขย่ากลาโหมทิ้งทวนก่อนหลุดอำนาจ ปลดรมว.เอสเปอร์ ส่งผลเจ้าหน้าที่ระดับสูงกลาโหมฯพากันยื่นจม.ลาออกระนาว และแต่งตั้งสายอนุรักษ์คุมแทน จับตาโอกาสสงครามแบ่งขั้วไม่ได้อยู่แค่บนถนนเสียแล้ว เมื่อเดโมแครตขู่จะใช้ทหารอุ้มทรัมป์จากเก้าอี้ ก็ไม่แปลกที่เขาจะปลดแม่ทัพที่หนุนสีฟ้าแบบเปิดหน้าเล่น แม้ทรัมป์ยังมีอำนาจอีกแค่ 2 เดือนแต่ยังมีเอกสิทธิ์ในการดำเนินการได้ตามอำนาจแห่งประมุขของรัฐ ล่าสุดปอมเปโอร่างทรงทรัมป์เบรคไบเดนข้ามชาติ เดินสายยืนยันทรัมป์จะอยู่ในอำนาจอีกสมัย ปรากฏการณ์เหล่านี้สะท้อนความแตกหักของชนชั้นนำในสหรัฐอย่างชัดเจน ตอกย้ำว่าจุดจบของการเลือกตั้งครั้งนี้จะน่าขนลุกเพียงใด
ฝั่งทรัมป์ส่งสัญญาณสู้
10 พ.ย.2563 ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ มีคำสั่งปลด นายมาร์ค เอสเปอร์ ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหม โดยให้มีผลในทันที ชนวนเหตุมีความเห็นต่างในประเด็นด้านความมั่นคง ตามด้วยผู้บริหารระดับสูงในกลาโหมยื่นจดหมายลาออกกันระนาว ขณะที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงในกระทรวงยุติธรรมสหรัฐเดินตามรอยเซ่นคำสั่งของรมว.ยุติธรรมให้ตรวจสอบการทุจริตเลือกตั้ง อ้างก.ยุติธรรมต้องเป็นกลางทางการเมือง
ทรัมป์ชแจ้งผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัวว่าจะให้ นายคริสโตเฟอร์ ซี.มิลเลอร์ ผู้อำนวยการศูนย์ต่อต้านก่อการร้ายแห่งชาติ มาดำรงตำแหน่งรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แทนนายเอสเปอร์
ความเคลื่อนไหวของประธานาธิบดีทรัมป์ ในการสั่งปลดรัฐมนตรีกลาโหม ก่อนที่ตัวเขาจะพ้นจากตำแหน่งในอีกเพียง 2 เดือนข้างหน้า เป็นการแหวกธรรมเนียมปฏิบัติที่ประธานาธิบดีที่พ่ายแพ้การเลือกตั้ง มักจะให้รัฐมนตรีกลาโหมอยู่ในตำแหน่งจนถึงวันที่ประธานาธิบดีลงจากตำแหน่ง เพื่อรักษาเสถียรภาพในนามของความมั่นคงของชาติ โดยในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา นายเอสเปอร์มักมีความเห็นที่แตกต่างจากประธานาธิบดีทรัมป์ นับตั้งแต่เรื่องการจัดการกลุ่มผู้ประท้วงตำรวจกระทำความรุนแรงกับคนผิวดำในหลายรัฐ ซึ่งประธานาธิบดีทรัมป์สนับสนุนการใช้ตำรวจเข้าปราบปรามผู้ประท้วง แต่นายเอสเปอร์ยืนยันว่าไม่ใช่เรื่องจำเป็น
ก.ยุติธรรมเดินตามรอยก.กลาโหม
ผอ.แผนกคดีอาชญากรรมการเลือกตั้งของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ลาออกจากตำแหน่ง เพื่อประท้วงรัฐมนตรี วิลเลียม บาร์ หลังเขาอนุญาตให้สืบสวนเรื่องทุจริตเลือกตั้งในแต่ละรัฐ ก่อนจะมีการยืนยันผลอย่างเป็นทางการ
สนข.เอ็นบีซีรายงานว่า นายริชาร์ด พิลเกอร์ ผู้อำนวยการแผนกคดีอาชญากรรมการเลือกตั้งของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ประกาศลาออกจากตำแหน่งแล้ว เมื่อวันจันทร์ที่ 9 พ.ย. 2563 เพื่อประท้วงนาย วิลเลียม บาร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ที่ส่ง ข้อความเตือนความจำ หรือ เมโม ถึงเหล่าอัยการท้องถิ่น ให้อำนาจพวกเขาในการสืบสวนข้อกล่าวหาเรื่องการฉ้อโกงการเลือกตั้ง ก่อนจะมีการยืนยันผลเลือกตั้งประธานาธิบดี
นายพิลเกอร์ส่งอีเมลถึงเพื่อนร่วมงานระบุว่า เขาไม่อาจทำงานของตัวเองได้อีกต่อไป หลังได้รับเมโมจากนายบาร์ ซึ่งออกมาในขณะที่ทีมกฎหมายของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ กำลังดำเนินการฟ้องร้องในข้อหาเกี่ยวกับผลการเลือกตั้ง ว่ามีการฉ้อโกงการลงคะแนนเสียงอย่างกว้างขวาง จนทำให้ประธานาธิบดีแพ้การเลือกตั้ง คำสั่งของนายบาร์ยังถือเป็นการเปลี่ยนนโยบายที่กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ยึดถือมานานกว่า 40 ปี เนื่องจากที่ผ่านมา กระทรวงยุติธรรมจะออกคำแนะนำถึงเหล่าอัยการว่า ไม่ควรมีการเข้าไปสืบสวนแทรกแซงมากเกินไป จนกว่าการเลือกตั้งนั้นๆ จะได้ข้อสรุป, มีการยืนยันผลลัพธ์ และการนับคะแนนรอบ 2 หรือข้อโต้แย้งใดๆ ในการเลือกตั้ง ได้ข้อสรุปแล้ว
อย่างไรก็ตาม นายบาร์ ระบุว่า นโยบายดังกล่าวล้าสมัยไปแล้ว เพราะการดำเนินการที่ล่าช้าอาจส่งผลให้เกิดสถานการณ์ที่ไม่สามารถแก้ไขการกระทำผิดในการเลือกตั้งได้ ขณะที่เจ้าหน้าที่กระทรวงยุติธรรมนายหนึ่งบอกกับ เอ็นบีซีนิวส์ ว่า เมโมของนายบาร์ ไม่ได้ระบุว่า มีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นในการเลือกตั้งจริง เขาให้อำนาจอัยการท้องถิ่นสหรัฐฯ เริ่มการสืบสวนหากได้รับข้อกล่าวหาที่ชัดเจนและเชื่อถือได้ และอาจส่งผลกระทบต่อผลการเลือกตั้งในรัฐนั้นๆ หากข้อกล่าวหาดังกล่าวเป็นความจริง พวกเขากำลังตรวจสอบข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการขาดคุณสมบัติเลือกตั้งของผู้โหวตในรัฐเนวาดา เช่นมีการกล่าวหาว่าใช้ชื่อคนตายโหวต เป็นต้น และการเลือกตั้งทางไปรษณีย์ในรัฐเพนซิลเวเนีย
พอมเพโอยังเดินสายคุยนานาชาติ
ไมค์ พอมเพโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ในวันอังคาร(10พ.ย.) สัญญากับโลกว่าจะมีการเปลี่ยนผ่านอย่างราบรื่น หลังศึกเลือกตั้งอเมริกา แต่ปฏิเสธรับรองชัยชนะของว่าที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน โดยบอกว่า ทรัมป์ จะยังอยู่ในอำนาจต่อไป
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าสหรัฐฯจะยังคงสามารถออกถ้อยแถลงต่างๆเรียกร้องการเลือกตั้งอยางเสรีทั่วโลกได้เหมือนเดิมหรือไม่ พอมเพโอ ตอบกลับว่ามันเป็นคำถามที่น่าขัน กระทรวงการต่างประเทศอเมริกา “แคร์อย่างมาก ในการสร้างความเชื่อมั่นว่าการเลือกตั้งทั่วโลกจะปลอดภัย อิสระและยุติธรรม และเจ้าหน้าที่ของผมเสี่ยงชีวิตของพวกเขาเอง เพื่อรับประกันว่าสิ่งเหล่านั้นจะเกิดขึ้น”
การแสดงความคิดเห็นอย่างเปิดเผยต่อผลการเลือกตั้งเป็นครั้งแรกของ พอมเพโอ มีขึ้นหนึ่งวันหลังจากทรัมป์ ไล่ มาร์ค เอสเปอร์ พ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหม บุคคลที่ ทรัมป์ มองมาช้านานว่าไม่ภักดี จุดยืนของ พอมเพโอ จะถูกทดสอบครั้งสำคัญ เนื่องจากตั้งแต่วันศุกร์(13พ.ย.) เป็นต้นไป เขาจะออกเดินทางเยือน 7 ชาติพันธมิตร ซึ่งเหล่านั้นเพิ่งแสดงความยินดีกับไบเดน เขาจะมุ่งหน้าสู่กรุงปารีสเป็นที่แรก ตามด้วยอิสตันบูลและจอร์เจีย จากนั้นก็จะมุ่งหน้าต่อไปยังเยรูซาเลมและ 3 ชาติพันธมิตรในอ่าวเปอร์เซีย ประกอบด้วยซาอุดีอาระเบีย, สหรัฐเอมิเรตส์และกาตาร์