จากกรณีที่ อดีตพระพุทธะอิสระ พร้อมทั้งแกนนำหมู่บ้านเสื้อแดงรักษาพระองค์และคณะ เฝ้ารับเสด็จ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระราชินี ณ ท่าอากาศยานทหารกองบิน 23 จังหวัดอุดรธานี เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2563 นั้น
ต่อมา อดีตพระพุทธะอิสระ เล่าถึงกรณีดังกล่าวว่า ธ ทรงเป็นดังดวงใจ ของพสกนิกรไทยเสมอมา 11 พฤศจิกายน 2563 “ยังไงก็ได้ ถ้าเรารักประเทศชาติ ทำให้มันเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ ต่อประชาชน ต่อพี่น้องคนไทย รักษาความมั่นคงของประเทศชาติไว้ ทำในสิ่งที่ดี ทำในสิ่งที่ถูก อะไรที่มันผิด ๆ ก็ไม่ต้องไปทำมัน”
วันอังคารที่ผ่านมา ได้พาคุณอานนท์ แสนน่าน ประธาน หมู่บ้านเสื้อแดงรักษาพระองค์ ทั่วประเทศ และคณะ เข้าเฝ้ารับเสด็จ ล้นเกล้าทั้งสองพระองค์ ณ กองบินที่ 23 กองทัพอากาศ
ถามว่าทำไมต้องเป็นพุทธะอิสระเป็นผู้นำพาแกนนำหมู่บ้านเสื้อแดงไปรอเฝ้ารับเสด็จ ผู้อื่นไม่ได้หรือ อธิบายว่าอาจเป็นวิธีคิด วิธีทำ ของพุทธะอิสระหล่ะกระมัง พวกแกนนำเสื้อแดง เขาจึงไว้วางใจ ถามว่าแล้ววิธีปฏิบัติที่จะเข้าไปรับเสด็จทำอย่างไร
อธิบายว่าไม่มีอะไรพิเศษทำเหมือนกับประชาชนทั่วไป ตามมาตรฐานสากล คือ มีการตรวจคัดกรอง ตรวจสอบประวัติ และสิ่งของที่จะนำเข้าไปในบริเวณที่รับเสด็จ ไม่เว้นแม้แต่พุทธะอิสระ
แต่หากผู้ใดมีประวัติการต่อสู้ทางการเมือง และนิยมความรุนแรงจะถูกคัดออก เช่น มีอดีต ผกค. เก่าท่านหนึ่ง เจ้าหน้าที่ก็ห้ามมิให้เข้ารับเสด็จ ซึ่งก็จะไปโทษเจ้าหน้าที่เขาก็ไม่ได้ เพราะถ้าหากเกิดเหตุอะไรขึ้น พวกเขาคงจะรับผิดชอบไม่ไหว พุทธะอิสระก็เห็นด้วยกับสิ่งที่เจ้าหน้าที่ทำ
พวกเราไปเฝ้ารอรับเสด็จตั้งแต่เที่ยงเศษ ๆ จนถึงเวลาร่วมสองทุ่มเศษ ทั้งที่สภาพร่างกายของพุทธะอิสระเองก็สุดจะย่ำแย่ เพราะตรากตรำตระเวนไปพบปะพูดคุย กับพี่น้องประชาชน ให้เห็นถึงความสำคัญของสถาบันพระมหากษัตริย์ เริ่มตั้งแต่ราชบุรี จนถึงอุดรธานี และจะไปต่อที่ร้อยเอ็ดในวันนี้
ถามว่า แล้วทำไมต้องเป็น กลุ่มแกนนำหมู่บ้านเสื้อแดง ทำไมไม่เป็นกลุ่มอื่น ๆ บ้าง อธิบายความว่า เพราะช่วงเวลาที่ผ่านมา สังคมมองกลุ่มหมู่บ้านเสื้อแดง เป็นปฏิปักษ์กับสถาบันมาโดยตลอด อีกทั้งกลุ่มหมู่บ้านเสื้อแดง ก็เคยเป็นขุมพลังให้แก่พวกนักการเมือง และนักวิชาการล้มเจ้า ซึ่งตอนนี้ได้หนีไปอยู่ต่างประเทศ
ด้วยเหตุนี้ พุทธะอิสระ จึงคิดว่า หากเราทำให้ศัตรู กลับมาเป็นมิตรต่อราชบัลลังก์ได้ จักเป็นคุณูปการมหาศาลต่อแผ่นดิน จึงเป็นที่มาที่พุทธะอิสระและลูกหลาน ต้องออกเดินทางตระเวนไปทั่วประเทศ ที่มีหมู่บ้านเสื้อแดง และหมู่บ้าน ผกค. เก่า ซึ่งทุกคนก็ต้องทุ่มเท ทั้งแรงกาย แรงใจ แรงปัจจัย ไปทำเพื่อ ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ในขณะที่ร่างกายเรายังพอทำไหว
การพาแกนนำหมู่บ้านเสื้อแดง และหัวหน้า ผกค. เก่า เข้าร่วมรับเสด็จครั้งนี้ เมื่อเจ้าหน้าที่เขาเห็นหน้าพุทธะอิสระ จึงจัดให้รอเข้าเฝ้าอยู่แถวหน้า โดยฉันบอกเหตุผล ที่นำพาพวกเขาเข้าเฝ้าอย่างใกล้ชิดว่า เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้แก่พวกเขา ที่จะออกมาร่วมกันปกป้อง สถาบันพระมหากษัตริย์
ทำสิ่งที่ตรงกันข้ามกับที่พวกเขาเคยทำ และวันนี้ ก็ได้เห็นถึงความสำเร็จ ที่พวกเราชาวครอบครัวธรรมะอิสระ ได้ทุ่มเท เพียรพยายาม จนได้นำมาซึ่ง พระราชกระแสรับสั่ง ดังที่อัญเชิญมาไว้แต่เบื้องต้น ด้วยพระราชกระแสรับสั่งนี้ ทำให้งานที่พุทธะอิสระกำลังทำอยู่และจะทำต่อไป คงจะทำได้ง่ายขึ้น ธ จึงทรงเป็นขวัญ และกำลังใจ ของแผ่นดินโดยแท้ พุทธะอิสระ