ทั่วโลกมีสถิติการป่วยติดเชื้อโควิด-19 เคสใหม่เพิ่มขึ้นตลอดฤดูใบไม้ผลิ ในสหรัฐอเมริกา-มลรัฐแอริโซนา, ฟลอริดา และเท็กซัส รวมทั้งรัฐอื่นๆ ได้กลายเป็นศูนย์กลางระบาด มีผู้ป่วยสูงมากกว่านิวยอร์กซิตี้ ซึ่งระบาดสูงสุดในเดือนมีนาคมและเมษายน ในเอเซียและยุโรปทั้งออสเตรเลีย ฮ่องกง อิสราเอล เสปนและเวียดนามพบการแพร่ระบาดระลอกใหม่จากที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตคงที่มาก่อนหน้านี้
หลายประเทศต่างดีใจที่จำนวนผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตคงที่ และบางแห่งมีแนวโน้มลดลง แต่ในสัปดาห์ที่ผ่านมา บอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีประเทศอังกฤษกล่าวว่า “ผมเกรงว่าเราเริ่มเห็นเค้าลาง การระบาดรอบสองในบางสถานที่แล้ว” ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญกล่าวแย้งความคิดนี้
ลอเรน ลิปเวิร์ธ ศูนย์สาธารสุขด้านระบาดวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยแวนเดอร์บิลท์, ประเทศอังกฤษ กล่าวว่า มันเร็วเกินไปที่ตัดสินว่าเป็นการระบาดรอบใหม่ เพราะเป็นเพียงการเพิ่มจำนวนของผู้ป่วยในการระบาดรอบแรกที่ยังไม่สิ้นสุด ทั้งลักษณะการติดเชื้อ ปริมาณการรักษาหาย และจำนวนผู้เสียชีวิต
อะไรเป็นตัวชี้วัด?
“การระบาดรอบสอง” ไม่มีระบุอย่างชัดเจนทางวิทยาศาสตร์ แต่พิจารณาจากรูปแบบการระบาดในพื้นที่ที่เคยมีผู้ป่วยติดเชื้อ รักษาจนหาย และมีผุ้เสียชีวิตมาก่อน อาจอธิบายได้เป็นสองกรณี กล่าวคือสถานที่ที่มีการระบาดสูงสุดแล้วหยุดนิ่ง ก่อนที่จะหวนกลับมาพบผู้ติดเชื้อเคสใหม่ในจำนวนมาก จากการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม เช่นเปลี่ยนฤดูกาลที่เอื้ออำนวยการแผลงฤทธิ์ของไวรัสอีกครั้ง มีการกลายพันธ์ในหมู่ไวรัสในระหว่างระยะฟักตัวใหม่ และแพร่ระบาดสู่ผู้คนอีกรอบ และอีกกรณีคือ ล๊อกดาวน์เมืองแล้วไวรัสชะลอ หรือหยุดแพร่ระบาด พอเปิดเมืองเปิดทำธุรกิจการค้า กลับมาแพร่หนัก
เดวิด เวบเบอร์ นักระบาดวิทยาและผุ้อำนวยการ มหาวิทยาลัยนอร์ทคาโรไลน่า ศูนย์สาธารณสุขในเชพเพลฮิลล์ กล่าวว่า บทเรียนการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดสเปนในปี 1981 และ SARs ในปี 2003
ในเมืองโตรอนโต ปรากฎเป็นสองระยะ มันระบาดจนถึงขั้นสูงสูดและยอดลดลงเป็นศูนย์ จากนั้นก็พุ่งกลับมาอีกรอบ ข้อสังเกตุคือถ้าพื้นที่ใดหยุดการระบาดไประยะหนึ่ง แล้วหวนกลับมาเป็นอีก นั้นแหละคือการระบาดรอบใหม่ และอาจรุนแรงกว่าเดิม เพราะมีการกลายพันธ์ของเชื้อไวรัสแล้ว
บางสถานที่เมื่อล็อกดาวน์แล้วผู้ป่วยน้อยลง พอมีการเปิดเมือง ดำเนินธุรกิจ ก็เกิดระบาดรอบใหม่ขึ้น มันเป็นลักษณะขึ้นๆลงๆ เพราะมันแพร่กระจายอยู่ทั่วโลกแล้ว โดยไม่ได้หายไปไหน “รูปแบบของการติดเชื้อไวรัสสายพันธ์ใหม่ โควิด-19 ไม่ได้ขึ้นต่อฤดูกาล เหมือนโรคประจำถิ่นทั้งหลาย มีการแพร่ระบาดอยู่มากซึ่งเราไม่สามารถรู้ได้” ลิปเวิร์ธกล่าว
ที่ผ่านมามีสมมติฐานว่า ไวรัสโควิด-19 ไม่สามารถอยู่ในสภาวะอากาศร้อนจัดได้ แต่เมื่อฤดูร้อนที่ผ่านมา ทั้งเอเซียและยุโรป ซึ่งอยู่ในช่วงฤดูร้อนก็พบมีการระบาดพุ่งสูงอย่างต่อเนื่อง
มากาเร็ต แฮริส โฆษก WHO กล่าวถึง “ระลอกใหญ่ครั้งใหม่” “กรณีน่าห่วงของการกลับมาแพร่ระบาดใหญ่ไวรัสสายพันธ์ใหม่ โควิด-19 คือ การมารวมตัวกันจำนวนมาก มาอยู่รวมกันแล้วไม้เว้นระยะห่าง ไม่สวมหน้ากากป้องกัน ไม่สนใจมาตรการอะไร”
ทั้งลิปเวิร์ธ และ เวเบอร์กล่าวสอดคล้องกับโฆษก WHO การระบาดระลอกแรก เราแค่จำกัดและกดมันไว้ คำถามคือเราจะอยู่ในลักษณะนี้ได้นานแค่ไหน พอเราเปิดเงื่อนไขให้มันฟื้น มันก็กลับมาระบาดพุ่งอีกครั้ง โดยเฉพาะในเมืองหรือประเทศที่ไม่มีมาตรการที่เข้มแข็งพอ ในการจำกัดการแพร่เชื้ออย่างจริงจัง
-เวียดนาม หลังจากไม่มีผู้ติดเชื้อมา 3 เดือน ได้ตรวจพบผู้ป่วยจำนวนมากที่เมืองดานัง ขณะนี้มีผู้ติดเชื้อ 546 ราย เสียชีวิตในวันเดียวกัน 2 ราย(ที่พบใหม่) มีการกักตัวกลุ่มเสี่ยง 53,800 ราย
–ฮ่องกงพบผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่เพิ่ม 106 ราย ทำให้ตัวเลขผู้ป่วยสะสม 2,885 ราย เสียชีวิต 23 ราย
-ออสเตรเลีย ป่วยติดเชื้อ 21,000 กว่าคน เสียชีวิตทั้งประเทศอยู่ที่ 718 คน พบผู้ติดเชื้อระบาดใหม่ในรัฐวิตอเรีย
-ที่สหรัฐฯ รัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งมีผู้ติดเชื้ออย่างน้อย 493,000 คน และมีผู้เสียชีวิตไปกว่า 9,000 คนแล้ว รัฐฟลอริดารายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสมแล้วกว่า 470,000 คน และมีผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 6,800 คน
-ทั่วโลกติดเชื้อสะสม 17,754,150 ราย เสียชีวิต 682,885 ราย
…………………………………………….