ไพศาล เตือนเยาวชนอย่าหลงเชื่อปฏิรูปสถาบันฯ แท้จริงนักการเมืองก็หวังล้มล้าง เปลี่ยนใจกลับมาเป็นพสกนิกรที่ดีกันเถิด

2413

นายไพศาล พืชมงคล อดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า หลอกเด็กเรื่องปฏิรูปสถาบัน ป่าวประกาศและเถียงคอเป็นเอ็นว่า จำเป็นต้องปฏิรูปสถาบันเพื่อให้อยู่ใต้รัฐธรรมนูญ! การปฏิรูปสถาบันไม่ใช่การล้มเจ้า!!!! เรื่องจริงคืออะไรเล่า ?

1.ขณะที่ปากพูดว่าปฏิรูปสถาบัน แต่ที่ทำและชักจูงลูกเด็กเล็กๆให้พูดตามทำตามก็คือใส่ร้ายป้ายผิด ด่าว่า ระราน รังแกเจ้าทุกรูปแบบ บังอาจกระทั่งคุกคามพระเจ้าอยู่หัว ล้อมรถพระที่นั่งสมเด็จพระนางเจ้า ชักชวนกันไปเผาวัง และแสดงท่าทีต้องการการปกครองโดยประธานาธิบดี แต่ไม่กล้าบอกความจริงเพราะจะไม่มีใครเข้าร่วมด้วย!!! ดังนั้นจึงหลอกว่าปฏิรูปสถาบันแต่ที่ต้องการทำจริงคือล้มล้างสถาบัน

2.สถาบันอยู่ใต้รัฐธรรมนูญมาตั้งแต่ 2475 แล้ว ยังบังอาจมาลวงโลกว่าจะปฏิรูปให้อยู่ใต้รัฐธรรมนูญอีก และนักร่างรัฐธรรมนูญขาประจำได้ริดรอนพระราชอำนาจ จนสถาบันแทบไม่มีอำนาจใดๆอีกแล้ว เช่น 2.1 เราท่านจะนับถือศาสนาอะไรก็ได้ แต่พระองค์ถูกบังคับว่าต้องนับถือพุทธศาสนาเท่านั้น

2.2 เราท่านจะเขียนจดหมายถึงใครต่อใครก็ได้ เป็นเสรีภาพ แต่พระองค์ถูกบังคับว่าจะมีพระราชหัตถเลขาไม่ได้ เว้นแต่ต้องมีรัฐมนตรีลงนามรับสนอง จนกระทั่งครั้งหนึ่งพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ถึงกับมีพระราชกระแสว่า”เขาไม่ให้ฉันเขียนจดหมายแล้ว ต่อไปเขาอาจไม่ให้ฉันพูด” หลังจากนั้นพระเจ้าอยู่หัวก็ไม่ทรงมีพระราชหัตถเลขาอีกเลยจนตลอดรัชกาล บัญชีนี้นักร่างรัฐธรรมนูญต้องรับผิดชอบชดใช้ในวันหนึ่ง

2.3 นักการเมืองได้ยึดอำนาจไปไว้ที่ตัวเกือบทั้งหมด ไม่ว่ากิจการส่วนรัฐสภา คณะรัฐมนตรี ก็อยู่ในอำนาจของนักการเมืองทั้งสิ้น แม้ทางตุลาการก็ถูกกดดันแทรกแซงอย่างหนัก

ดังนั้นจึงเห็นการจัดวางคนของตัวหรือบริวารของตัวไปลงตำแหน่งสำคัญต่างๆ กระทั่งเอาตำแหน่งไปทำมาค้าขายกันให้เป็นข่าวตลอดมา จนเกือบจะเอาตำแหน่งไปเร่ขายกลางตลาดเหมือนจีนยุคราชวงศ์ชิงอยู่แล้ว!!! พระราชอำนาจของพระองค์ถ้าเทียบกับประเทศที่ปกครองในระบอบเดียวกันนับว่าน้อยมาก

3. สถาบันได้ปฏิรูปตนเองตลอดมา จนเป็นที่ยอมรับนับถือของประเทศที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขทั่วโลก แม้กระทั่งประเทศมหาอำนาจและสหประชาชาติก็ยอมรับนับถือสถานะของพระมหากษัตริย์ที่ทรงเป็นที่เคารพสักการะ แต่นักร่างรัฐธรรมนูญได้ตัดคำว่าสักการะออกไปแล้ว จึงอาจเป็นเหตุให้เกิดการล้อเลียนราวกับพระมหากษัตริย์เป็นของเล่นไปแล้ว

ยกตัวอย่าง เรื่องเล็กๆเช่นในสมัยก่อน ประชาชนจะมองพระมหากษัตริย์ไม่ได้ ต้องก้มกับพื้น เวลาเสด็จพระราชดำเนินไปตามท้องถนน ก็จะมีเจ้าหน้าที่คอยตรวจตรา ไม่ให้ใครแอบมองตามช่องหน้าต่าง ถ้าใครแอบมองก็สามารถเอาลูกธนูยิงได้ ก็มีการปฏิรูปมาโดยลำดับจนกระทั่งประชาชนกับพระมหากษัตริย์ใกล้ชิดกันเป็นหนึ่งเดียวกัน

และล่าสุดเมื่อสัปดาห์ก่อนนี้ ถ้าสังเกตก็จะพบว่าประชาชนสามารถเข้าใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาท และสามารถถ่ายภาพได้ในระยะใกล้ กระทั่งทรงทักทาย ประชาชนอย่างเป็นกันเองยิ่ง เมื่อราษฎรถวายฎีกาด้วยกระดาษแผ่นเล็กๆ ก็ทรงใส่พระทัยในความทุกข์ร้อน และรับสั่งให้เจ้าหน้าที่เก็บให้ดี กลับไปถึงบ้านแล้วเอามาให้อ่านด้วย!!

ถ้าหากจะปฏิรูปอย่างเร่งด่วนแล้วก็ต้องปฏิรูปการศึกษาและนักการเมืองที่เต็มไปด้วยการ ทุจริต ฉ้อฉล บิดเบือนการใช้อำนาจ ใจดำอำมหิตกับราษฎร
สำหรับเด็กๆก็ถูกสอน ผิด ๆ ไม่ให้มีความกตัญญู หยาบคาย ไม่รู้ผิดชอบชั่วดี ไม่รู้จักบุญคุณพ่อแม่ครูบาอาจารย์และบ้านเมือง เขาหลอกเด็กๆมานานแล้ว จนกลายเป็นพวกกาเหว่าที่บางเพลงไปเป็นจำนวนมาก
วันนี้ความจริงเจิดจ้าขึ้นเหนือแผ่นดินแล้ว มาเถิดกลับมาเป็นพสกนิกรที่ดีของพระเจ้าอยู่หัว เราทั้งหลายช่วยกัน นำพาลูกเด็กเล็ก ๆ กลับสู่อ้อมอกของพ่อแม่ เพื่อเป็นพลังของแผ่นดิน เป็นอนาคตของชาติสืบไป!!!
#เรามีพระเจ้าแผ่นดินพระองค์เดียวกัน