ทำเนียบขาวเตือนสหรัฐฯ เข้าสู่ช่วงโควิดระบาด “ระยะร้ายแรง” ท่ามกลางการเลือกตั้งปธน. ยอดติดเชื้อเพิ่มขึ้นกว่า 9 หมื่นราย

1977

มีรายงานจากสื่อว่า ดร.เดโบราห์ เบิร์กซ์ ผู้ประสานงานของคณะทำงานพิเศษรับมือวิกฤติไวรัสโควิด-19 ของทำเนียบขาว ส่งจดหมายเตือนเมื่อวันจันทร์

แนะนำเจ้าหน้าที่รัฐให้ใช้นโยบายปิดเมืองและการควบคุมไวรัสระบาดอย่างสมดุล รวมถึงการเตือนให้ชาวอเมริกันใส่หน้ากาก รักษาระยะห่างทางสังคม และทำการตรวจหาเชื้อไวรัสอย่างทั่วถึง

จดหมายของ ดร.เบิร์กซ์ สวนทางกับคำยืนยันของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในช่วงปราศรัยหาเสียงว่า การระบาดของไวรัสในสหรัฐฯ กำลังจะสิ้นสุดลงแล้ว

ในขณะเดียวกัน ผลการศึกษาชิ้นใหม่ของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ หรือซีดีซี ระบุว่า หญิงตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 มีโอกาสล้มป่วยอย่างรุนแรงและมีความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตมากกว่าหญิงที่ไม่ได้ตั้งครรภ์ โดยหญิงตั้งครรภ์ยังเป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มต้องใช้เครื่องช่วยหายใจและเครื่องปอดและหัวใจเทียมระหว่างรับการรักษามากที่สุดด้วย

ผลการศึกษาดังกล่าวยังพบด้วยว่า หญิงตั้งครรภ์ที่เป็นชนกลุ่มน้อยมีโอกาสติดเชื้อและป่วยหนักจากไวรัสโควิด-19 ได้มากกว่า ในขณะที่ผลการศึกษาอีกฉบับหนึ่งของซีดีซี ระบุว่า หญิงตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ยังมีโอกาสแท้งลูกมากขึ้นด้วย

ดร.เดนิส เจมีสัน หัวหน้าภาควิชานรีเวชวิทยาและสูติศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัย Emory ระบุโดยอ้างผลวิจัยว่า หญิงตั้งครรภ์จะต้องระวังตัวเพื่อหลีกเลี่ยงการติดไวรัสโควิด-19 มากเป็นพิเศษ เช่น สวมหน้ากาก รักษาระยะห่างทางสังคม และหลีกเลี่ยงการรวมตัวกันทางสังคม

ทั้งนี้ ข้อมูลจากมหาวิทยาลัยจอนส์ ฮอพกินส์ ระบุว่า มีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ในสหรัฐฯ แล้วกว่า 230,000 คน มีผู้ติดเชื้อสะสมรวม 9,291,087 ล้านคน ซึ่งรวมถึงผู้ติดเชื้อใหม่ 84,089 คน และผู้เสียชีวิตใหม่อีก 557 คนเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตามการเลือกตั้งครั้งนี้จัดขึ้นท่ามกลางการระบาดใหญ่ทั่วโลกของโรคโควิด-19 และสถานการณ์การแพร่ระบาดของสหรัฐอเมริกาเองก็อยู่ใน”ระยะร้ายแรง” แต่ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งกว่า 90 ล้านคน ก็ได้ลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้าแล้ว ทำให้สัดส่วนผู้ออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งในครั้งนี้อาจจะสูงที่สุดในรอบศตวรรษ ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบกับการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 สหรัฐอเมริกาก็เป็นได้