จากที่สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่าเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา(26ต.ค.2563) กลุ่มผู้ชุมนุมทางการเมืองในไทยได้ร้องขอให้รัฐบาลเยอรมนี ทำการตรวจสอบเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยในประเทศเยอรมัน
ทั้งนี้โดยผู้ชุมนุมทางการเมือง อ้างว่า พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ทรงปฏิบัติภารกิจแห่งรัฐหรือไม่ อย่างเช่นลงพระปรมาภิไธยในพระบรมราชโองการต่างๆ และพระราชบัญญัติประจำปี ระหว่างที่ทรงประทับในแผ่นดินเยอรมนี
ล่าสุดวันนี้(30ต.ค.63) นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ถึงกรณีดังกล่าวด้วยว่า
หน้าแตก
ม็อบร้อยชื่อจะว่ายังไง สู้อุตส่าห์ไปยื่นหนังสือกล่าวหาสถาบันฯกับสถานทูตเยอรมัน เนื้อหาใส่ร้ายสถาบัน จะไม่ฉายซ้ำ
แต่ต้องหน้าแตก หมอไม่รับเย็บ ทางการเยอรมันชี้แจงแล้วว่า สถาบันฯไม่ได้ทำอะไรที่ขัดต่อกฏหมายเยอรมัน จบนะ
ส่วนที่พยายามยุให้ทางการเยอรมันเก็บภาษีมรดกจากสถาบันฯ เพราะได้มรดกจำนวนมากจากพระราชบิดา อยากบอกเอาบุญนะ ทรัพย์สินของสถาบันฯมีสองกอง กองแรกเรียกว่า ทรัพย์ส่วนพระมหากษัตริย์ และทรัพย์สินส่วนพระองค์
ทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ คือบรรดาทรัพย์สินที่ส่งมาเป็นทอดๆตั้งแต่สมัยตั้งราชวงศ์จักรี และเป็นนิติบุคคล หากจะเก็บภาษีทรัพย์สินส่วนพระองค์ในส่วนนี้ คงเก็บได้เฉพาะส่วนนี้ คงเก็บได้ไม่มาก และทรัพย์ส่วนพระองค์มีอยู่ก่อนขึ้นครองราชย์ ส่วนที่งอกเพิ่มขึ้นคงไม่มาก
ประการสำคัญ ไทยกับเยอรมันมีความตกลงในการไม่จัดเก็บภาษีซ้อน หมายความว่า บุคคลในสัญชาติใดได้เสียภาษีให้กับรัฐที่มีบุคคลสัญชาตินั้นอาศัยอยู่แล้ว จะไม่ถูกเก็บภาษีซ้อนในอีกประเทศหนึ่งที่ทำความตกลงร่วมกัน
ความพยายามในการจาบจ้วงล่วงละเมิดพระบรมเดชานุภาพในเรื่องทรัพย์สินของสถาบันฯคงได้เท่านี้
จะเป็นนักเคลื่อนไหวต้องศึกษาข้อมูลบ้างนะ
ที่มา : เฟซบุ๊ก Nantiwat Samart