นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยกองโรคติดต่อทั่วไป เปิดเผยว่า พบผู้ติดเชื้อ ต่างชาติอีก 2 ราย เป็นเพศชาย ชาวเอเชียและยุโรป ที่อยู่ในสถานกักกันแห่งเดียวกัน โดยเริ่มมีอาการป่วยหลังจากกักตัว14 วันแล้ว และอยู่ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน
ส่วน ความคืบหน้า กรณี ชาวต่างชาติติดเชื้อโควิด-19 สัญชาติฝรั่งเศส อายุ 57 ปี ว่า จากการสอบสวนโรค หญิงชาวฝรั่งเศสที่ติดเชื้อโควิด-19 มีโอกาสแพร่เชื้อสู่คนอื่นต่ำมาก ส่วนสาเหตุ การติดเชื้อ อยู่ในASQ เป็นหลัก ซึ่งเป็นสถานที่ที่หญิงฝรั่งเศสรายดังกล่าวเข้ากักกันโรคในช่วงแรก
ซึ่งระยะป่วย ของหญิงฝรั่งเศส เริ่มป่วย หลังออกจากสถานกักกันไปแล้ว 2 วัน เป็นไปได้ ที่จะมีโอกาสรับเชื้อจากผู้อื่นในสถานกักกันแห่งนี้ ซึ่งผลตรวจเลือด พบว่า เป็นการติดเชื้อใหม่
ตอนนี้การสอบสวนโรค มี ผู้สัมผัสทั้งหมด 126 ราย / แบ่งเป็นความเสี่ยงต่ำ 80 ราย / เสี่ยงสูง และเสี่ยงกลาง 46 ราย / ทั้งหมดตรวจเชื้อแล้ว ไม่พบเชื้อโควิด-19 และอยู่ระหว่างการเฝ้าระวังโรค14วัน ส่วนคนในครอบครัว สามีและลูกชาย เบื้องต้น ไม่มีอาการป่วย ไม่พบเชื้อโควิด-19 หลังตรวจไปแล้ว 2 ครั้ง
ขณะที่ คนในชุมชนที่หญิงชาวฝรั่งเศสได้ผ่าน มี 24 ราย ทั้งหมดไม่พบเชื้อ / พนักงานร้านนวด ที่หญิงชาวฝรั่งเศสใช้บริการ 6 ราย ไม่พบเชื้อ/ บาร์ร้านอาหาร 23 ราย ตรวจแล้ว 7 ราย ไม่พบเชื้อ และอยู่ระหว่รอผลตรวจอีก 16 ราย ส่วนบนเครื่องบิน เที่ยวบินเดียวกับหญิงชาวฝรั่งเศส มี 12 ราย แบ่งเป็น ผู้โดยสาร 10 ราย พนักงานต้อนรับ 2 ราย / โดยในผู้โดยสารมี1 คนมีอาการทางเดินหายใจ แต่ตรวจแล้วไม่พบเชื้อ / ส่วนคนขับแท๊กซี่ ที่พาหญิงชาวฝรั่งเศสมาสนามบิน อยู่ระหว่างการติดตามตัว / แพทย์ รพ.เอกชน ที่หญิงชาวฝรั่งเศสเดินทางไปตรวจเชื้อ รวม28 คน ทั้งหมดอยู่ระหว่างสังเกตอาการ
ด้าน นพ. ธนรักษ์ ผลพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค ระบุว่า การที่จะตอบว่าหญิงชาวฝรั่งเศสติดเชื้อมาจากไหน ตรงไหน ยังไม่ชัดเจน แต่จากการสอบสวนโรค พบว่า เจอเชื้อในพื้นที่ส่วนกลาง แต่ที่แน่ชัด คือ สถานกักกันแห่งนี้ ไม่ได้เป็นไปตามมาตรฐานที่กรมควบคุมโรคระบุไว้ ซึ่งหัวใจสำคัญของการกักกัน คือการเฝ้าระวังอาการ14 วัน สถานกักกันจะต้องมีมาตรฐานความปลอดภัยที่สูง