จากกรณีที่วันนี้ 29 พ.ค. 2567 ที่สำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) ถ.รัชดาภิเษก นายประยุทธ เพชรคุณ โฆษกสำนักงาน อสส. แถลงข่าวด่วน กรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
มอบหมายทนายความยื่นคำร้องขอเลื่อนนัดฟังคำสั่งคดีที่ถูกกล่าวหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ออกไปก่อนเนื่องจากติดโควิด-19 ว่า คดีนี้นายอำนาจ เจตน์เจริญรักษ์ อัยการสูงสุด (อสส.) ได้ตรวจพิจารณาสำนวนแล้ว ได้มีคำสั่งคดีนี้เรียบร้อยแล้ว เมื่อ 27 พ.ค. 2567 โดยสั่งฟ้องนายทักษิณ ชินวัตร ฐาน ร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหาษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท และกระทำความผิดเกี่ยวกับการนำเข้าช่องทางคอมพิวเตอร์ อันเกี่ยวกับความมั่นคง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 และ 112 คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 41 พ.ศ. 2549 ข้อ 1 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ 2550 มาตรา 3 มาตรา 14 (3) และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ 2560 มาตรา 8
นายประยุทธ กล่าวว่า วันนี้ อัยการไม่สามารถยื่นฟ้องนายทักษิณต่อศาลได้ เนื่องจากนายทักษิณไม่ได้มาพบพนักงานอัยการตามกำหนดนัด ได้มอบให้ทนายความยื่นคำร้องขอเลื่อนฟังคำสั่งของอัยการออกไปเป็น 25 มิ.ย. 2567 เวลา 09.00 น. พร้อมแนบใบรับรองแพทย์ยืนยันว่าป่วยเนื่องจากติดโควิด และแพทย์ให้พัก 7 วัน โดยอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 8 ในฐานะหัวหน้าอัยการผู้ได้รับมอบหมายจาก อสส. ให้รับผิดชอบคดีนี้ พิจารณาคำร้องของทนายนายทักษิณแล้วเห็นว่า เหตุขอเลื่อนเนื่องจากอาการป่วยเพราะติดโควิด โดยแพทย์ให้พักสังเกตอาการถึง 3 มิ.ย. จึงอนุญาตเลื่อนมาพบอัยการได้ถึง 18 มิ.ย. 2567 เวลา 09.00 เพื่อนัดนายทักษิณมาพบอัยการเพื่อยื่นฟ้องต่อศาลต่อไป
นางวิรังรอง ทัพพะรังสี ประธานเครือข่ายมหาวิทยาลัยเพื่อการปฏิรูปประเทศ และนิสิตเก่าคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รุ่นที่ 30 ไดโพสต์ติ๊กต๊อกเป็นคลิป ถึงกรณีของนายทักษิณ ว่ายังมีคดีถึง 3 คดี โดยมีการสรุปคดีขอนักโทษชายทักษิณ ชินวัตร ในขณะนี้
1 คดีแพ่ง ถูกเรียกค่าเสียหายในทางละเมิดต่อรัฐต้องชดใช้เงินจำนวน 5,000 ล้านบาท ตามคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง กรณี เอ็กซิมแบงก์ ปล่อยเงินกู้ให้รัฐบาลเมียนมา
- คดีอาญา มาตรา 112
และ 3 คดีอาญา ความผิดตามพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์กรณีกระทำความผิดที่กรุงโซล ประเทศเกาหลี กล่าวจาบจ้วงพาดพิงสถาบัน ที่วันนี้ก็มีคำสั่งฟ้องไปแล้ว
เวลาผ่านไปเกือบ ๑๐ ปี นช. ทักษิณ ชินวัตร ผู้ต้องหา ได้กลับมายื่นเรื่องขอความเป็นธรรมกับอัยการสูงสุด ด้วยสาเหตุที่ดิฉันทราบจากสื่อออนไลน์ว่า ผู้ต้องหาอ้างว่า ที่ผ่านมา ไม่มีโอกาสการแสดงข้อเท็จจริง การสอบสวนยังไม่ครบถ้วน เรื่องดังกล่าว ซึ่งคุณวิรังรองเคยมีความเห็นเกี่ยวกับเรื่องหนังสือขอความเป็นธรรม บอกว่า ดิฉันมีความเห็นโดยสุจริต โดยเฉพาะ เรื่องหนังสือขอความเป็นธรรม
ดิฉันไม่เห็นด้วยกับการที่ ดร. คณิต ณ นคร อดีตอัยการสูงสุด ได้ออกระเบียบให้ผู้ต้องหาสามารถยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมกับอัยการสูงสุดได้ทั้งที่ประมวลกฎหมายอาญาไม่ได้บัญญัติไว้ การใช้กฎหมายมหาชน (Public Law) ควรต้องเคร่งครัด ถ้ากฎหมายไม่ได้ให้อำนาจไว้ จะทำไม่ได้เลย แต่ระเบียบดังกล่าวได้ประกาศใช้แล้ว จึงเป็นดุลยพินิจของอัยการสูงสุดที่จะรับหรือปฏิเสธหนังสือขอความเป็นธรรมได้
กรณีนช. ทักษิณ ชินวัตร ดิฉันเห็นว่า ร.ต.ต.พงษ์นิวัฒน์ ยุทธภัณฑบริภาร อดีตอัยการสูงสุด ได้เคยมีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาไว้แล้ว ซึ่งในความเป็นจริงก็ไม่ใช่ว่าท่านอดีตอัยการสูงสุดจะพิจารณาโดยลำพัง แต่ต้องมีมติคณะกรรมการ มีพยานหลักฐานที่เพียงพอ และได้มีการตรวจสำนวนสอบสวนอย่างรอบคอบถี่ถ้วนแล้วว่าสมบูรณ์พอที่จะนำคดีไปฟ้องต่อศาลได้
นอกจากนี้ก็ไม่ใช่ว่า อัยการสูงสุดจะไม่ได้ให้โอกาสหรือไม่ให้ความเป็นธรรมต่อนช. ทักษิณ ชินวัตร แต่นช. ทักษิณ ชินวัตร หนีคดีไปเอง
ดิฉันจึงเห็นว่าอัยการสูงสุด สามารถที่จะปฏิเสธหนังสือขอความเป็นธรรมจากนช. ทักษิณ ชินวัตร แต่ท่านมิได้ปฏิเสธตั้งแต่แรก อย่างไรก็ดี เมื่อท่านได้รับหนังสือขอความเป็นธรรมไว้แล้ว ดิฉันขอกราบเรียนท่านว่า ตั้งแต่นช. ทักษิณ ชินวัตร เดินทางกลับมาถึงประเทศไทย คุณทักษิณไม่เคยติดคุกเลยสักวัน