วิกฤตสงครามยูเครนที่ขยายวงอย่างชัดเจน ถึงความขัดแย้งระหว่างมหาอำนาจเก่าอย่างสหรัฐและพันธมิตรตะวันตก กับรัสเซียและพันธมิตรตะวันออก มีแนวโน้มตึงเครียดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่ปัญหาภายในประเทศของสหรัฐอเมริกาก็ปะทุขึ้นในหลายด้าน ทั้งเงินเฟ้อกระฉูด หนี้สาธารณะล้นหลาม หนี้ครัวเรือนพุ่ง การเมืองภายในระหว่างสองพรรคใหญ่ ยิ่งใกล้เลือกตั้งกลางเทอมยิ่งระอุเดือด
ที่น่าตกใจสำหรับปธน.โจ ไบเดนและพรรคเดโมแครตคือโพลสื่อมะกัน แฉรัวๆว่าคะแนนนิยมผู้นำดิ่งลงอย่างน่าใจหายในทุกครั้งที่ทำโพล ล่าสุดแม้แต่คนหนุ่มสาว GenZ ซึ่งเคยสนับสนุนไบเดน ก็ถอดใจส่ายหน้ากับผู้นำคนโปรดที่ล้มเหลวในทุกด้าน
วันที่ 19 เม.ย.2565 สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น รายงานการสำรวจคะแนนนิยมผู้นำสหรัฐฯ ปธน.โจ ไบเดนล่าสุดในช่วงเดือนมี.ค.ต่อเม.ย.2565 เปรียบเทียบกับอดีตปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ 41% ต่อ 42% ถือว่าได้คะแนนต่ำสุดในฐานะประธานาธิบดีสหรัฐ ก่อเสียงฮือฮาในหมู่นักการเมืองสหรัฐมาก นอกจากนี้ คนหนุ่มสาววัยGenZ ซึ่งเคยมีคะแนนสนับสนุนปธน.โจ ไบเดนกลับสนับสนุนน้อยลงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
การค้นพบที่น่าตกใจนี้ เกิดจากการวิเคราะห์ของ Gallup เกี่ยวกับการสำรวจความคิดเห็นที่ครอบคลุม ต่อผลงานของปธน.โจ ไบเดนที่เผยแพร่ในสัปดาห์นี้
ในช่วงแรก ๆ ของการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของไบเดน ตั้งแต่มกราคม 2564 ถึงมิถุนายน 2564 สมาชิก Gen Z ที่เป็นผู้ใหญ่โดยเฉลี่ย 6 ใน 10 คนซึ่งเกิดระหว่างปี 1997 ถึง 2004 สนับสนุนไบเดนมาก แต่คะแนนนิยมในช่วงเวลาตั้งแต่กันยายน 2564 ถึงมีนาคม 2565 ตัวเลขดังกล่าวกลับลดลงเหลือเพียง 39% โดยเฉลี่ย
ในบรรดาคนรุ่นมิลเลนเนียล ซึ่งเกิดระหว่างปี 2524-2539 ก็เช่นเดียวกัน คะแนนนิยมของ Biden ในกลุ่มนั้นอยู่ที่ 60% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2021 เทียบกับ 41% เมื่อเดือนมีนาคมและลดลงมาเหลือ 39% เมื่อเร็วๆนี้
ที่น่าสนใจคือการสูญเสียความมั่นใจในหมู่คนสูงอายุ ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น คะแนนนิยมของไบเดนในกลุ่มเบบี้บูมเมอร์ ซึ่งเกิดระหว่างปี 2489 ถึง 2507 ลดลงเพียง 7 คะแนน ในบรรดา คนสูงวัยซึ่งเกิดก่อนปี 2489 คะแนนนิยมของเขาไม่เปลี่ยนแปลง นั่นหมายถึงในหมู่คนสูงวัยที่นิยมเดโมแครตและลงคะแนนให้ไบเดนยังไม่เปลี่ยนใจ ขณะที่คนหนุ่มสาวเมินหนีแล้ว
ที่เป็นเช่นนี้เพราะคนอเมริกันที่อายุน้อย เคยมีทัศนคติเชิงบวกเกี่ยวกับไบเดนในช่วงเริ่มต้นตำแหน่งประธานาธิบดีมากกว่าคนอเมริกันที่มีอายุมากกว่า ซึ่งส่วนใหญ่นิยมอดีตปธน.ทรัมป์ จึงมีที่ว่างให้ล้มมากขึ้น
ในเวลาเดียวกัน การสำรวจอื่น ๆ ก็เป็นที่ชัดเจนว่ามีความกระตือรือร้นสำหรับไบเดนลดลงอย่างมากในหมู่ชาวอเมริกันที่อายุน้อย ผลสำรวจของควินนิแพ็ค (Quinnipiac) ที่ เผยแพร่ในสัปดาห์นี้แสดงให้เห็นว่ามีเพียง 21% ของผู้ที่มีอายุระหว่าง 18-34 ปี บอกว่าพวกเขาเห็นด้วยกับผลงานของประธานาธิบดี ขณะที่ ไม่เห็นด้วยถึง 58%
ความนิยมในตัวปธน.ไบเดนของคนหนุ่มสาวอเมริกัน ที่ลดลงอย่างรวดเร็วเนื่องจาก คนหนุ่มสาวคาดหวังจากประธานาธิบดีไบเดนสูงมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการรับมือกับโควิด-19 และแก้ปัญหาเศรษฐกิจแต่สิ่งที่พวกเขาได้รับจริงนั้นแตกต่างอย่างชัดเจน คือปธน.ไบเดนและทีมงาน บริหารล้มเหลวทั้งการระบาดโรคและเศรษฐกิจ
เจฟฟรี โจนส์(Jeffrey Jones) แห่ง Gallup ตั้งข้อสังเกตว่า
“ในฤดูร้อนปี 2021 เนื่องจากกรณีของการระบาดโควิด-19 เพิ่มขึ้นอย่างกะทันหัน ไบเดนก็สูญเสียการสนับสนุนที่สำคัญในกลุ่ม Generation Z, Millennials และ Generation X คือคะแนนนิยมลดลง7- 10 เปอร์เซ็นต์แล้ว” “ล่าสุดปัญหาเศรษฐกิจรุมเร้าคะแนนความนิยมก็ลดต่ำสุดยิ่งกว่าสมัยที่ปธน.ทรัมป์ด้วย”
นี่เป็นอีกเหตุผลที่พรรคเดโมแครตต้องกังวลเกี่ยวกับการเลือกตั้งกลางภาค ท่ามกลางแรงเย้ยหยันจากพรรครีพับลิกัน ถึงขนาดทำโพลของพรรคสะท้อนว่า คนอเมริกันมองว่า โจ ไบเดนอันตรายกว่า วลาดิเมียร์ ปูติน
โพลใหม่แสดงให้เห็นว่าผู้มีสิทธิเลือกตั้งของพรรครีพับลิกัน (GOP) เชื่อว่าโลกจะน่าอยู่ขึ้นหากไม่มีประธานาธิบดีโจ ไบเดนแห่งสหรัฐฯ มากกว่าไม่มีผู้นำของรัสเซีย
ผลสำรวจของ Morning Consult ที่เผยแพร่เมื่อวันจันทร์เปิดเผยว่า ในบรรดาผู้มีสิทธิเลือกตั้งของพรรครีพับลิกันถึง 84% ของผู้ตอบแบบสอบถามกล่าวว่าปธน.โจไบเดนแย่กว่าปธน.ปูติน
แต่แน่นอนในการสำรวจความคิดเห็นโดยรวมของสหรัฐฯ ปูตินยังเป็นตัวร้ายชั้นนำมากกว่าคิมจองอึนที่ 78% สี จิ้นผิง(Xi Jinping) ของจีนอยู่ที่ 59% ตามด้วยโจ ไบเดน( Joe Biden) ที่ 51% อิบราฮิม ไรซี(Ebrahim Raisi) ของอิหร่าน 39%และ โมฮัมหมัด บิน ซัลมาน(Mohammad bin Salman) ของซาอุดิอาระเบียอยู่ที่ 37% เพียง 12% ของผู้ตอบแบบสอบถามกล่าวว่าโลกจะน่าอยู่ขึ้นหากไม่มีประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครนดำรงตำแหน่ง