จากกรณีเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2567 ในช่องสนธิญาณ สตอรี่ รายการสนธิญาณ ชัด ครบ จบ จริง ได้มีการพูดคุยร่วมกันระหว่าง นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม นายถาวร เสนเนียม นายจตุพร พรหมพันธุ์ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม และนายสมชาย แสวงการ ซึ่งเป็นเทปพิเศษ ตอน : รวมพลคนรักชาติ ยังไง ‘เศรษฐา’ ต้องไป
ซึ่งมีบางช่วงบางตอนที่คุณถาวร ได้กล่าวถึงคดี 112 ของนายทักษิณ โดยบอกว่า ย้อนกลับไปที่อัยการสูงสุด สั่งฟ้องนายทักษิณ ชินวัตร ไปแล้วเป็นการสั่งฟ้องไม่ใช่ในนามส่วนตัว ไม่ใช่อัยการเป็นผู้เสียหาย รัฐเป็นผู้เสียหาย อัยการสูงสุดใช้อำนาจรัฐในการสั่งฟ้อง การใช้อำนาจรัฐในการสั่งฟ้อง ก็คือ การใช้อำนาจของพี่น้องประชาชน ทั้ง 66 ล้านคนในฐานะโจทก์ของแผ่นดิน สั่งฟ้องจบไปแล้ว ทักษิณบอกข้าพเจ้าไม่ได้รับความยุติธรรม ข้าพเจ้ามีพยานหลักฐานใหม่ ข้าพเจ้าควรได้รับการพิจารณาซ้ำอีกครั้งหนึ่ง เพื่อที่จะสั่งไม่ฟ้อง ข้าพเจ้ายังยื่นตำร้อง พร้อมด้วยพยานหลักฐานใหม่ ก็เลื่อนมาวันที่ 29 นี้ ก็จะมีการอ่าน หรือบอกหรือกล่าวกับนักโทษชายทักษิณ ว่า อัยการจะสั่งฟ้องเหมือนเดิม หรือสั่งไม่ฟ้อง
ก็ย้อนกลับไปที่คุณพิชิต ชื่นบาน แม้ว่าจะสั่งไม่ฟ้องเด็ดขาดไปแล้ว ถ้ามีพยานหลักฐานใหม่เข้าไปในสำนวน อัยการสามารถหยิบยกคดีนั้นมาพิจารณาใหม่ และก็สั่งใหม่ได้ ก็ฝากหน้าที่ให้กับสว.สมชาย ที่มีพยาน หลักฐานครบหมดแล้ว ว่าพิชิต ชื่นบาน เสี่ยงสูงได้เป็นรมต.18 วัน จะเสี่ยงสูงติดคุกอีกสักรอบหนึ่งในคดีติดสินบนเจ้าหน้าที่หรือไม่ อย่างไร
ซึ่งเมื่อวานนี้ (28 พฤษภาคม 2567) ทางเพจบิ๊กแดงแฟนเพจ ได้โพสต์ข้อความบอกว่า แรงใดใหญ่เท่าแรงกรรมเป็นไม่มี”และแรงกรรมนั้น จะย้อนกลับมาถึงในเร็ววัน จะร้องขอความเมตตาขนาดไหน ก็ไม่มีใครสามารถที่จะช่วยได้
วันนี้ (29 พฤษภาคม 2567) นายประยุทธ เพชรคุณ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด นายนาเคนทร์ ทองไพรวัลย์ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด และนายวิพุธ บุญประสาท อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 8 แถลงกรณีอัยการสูงสุด สั่งฟ้อง พันตำรวจโท หรือ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ถูกกล่าวหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112
คดีนี้ เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2559 สำนักงานอัยการสูงสุด ได้รับสำนวนคดีการกระทำความผิดนอกราชอาณาจักรจากพนักงานสอบสวน กองกำกับการ 3 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ต.อ.โอหาร สุขเกษม ผู้กล่าวหา พันตำรวจโทหรือนายทักษิณ ชินวัตร ข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์พระราชินี รัชทายาท และร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคง เหตุเกิดเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2558 ที่กรุงโซล สาธารณรัฐเกาหลี (เกาหลีใต้) และประเทศไทย เกี่ยวพันกัน
เนื่องจากคดีนี้เป็นคดีความผิดซึ่งมีโทษตามกฎหมายไทย ได้กระทำลงนอกราชอาณาจักรไทย จึงเป็นคดีที่อยู่ในอำนาจของอัยการสูงสุดเป็นผู้รับผิดชอบดำเนินคดี โดยในชั้นแรก พันตำรวจโทหรือนายทักษิณ ชินวัตร หลบหนี ยังไม่ได้ตัวมาทำการสอบสวน ร.ต.ต. พงษ์นิวัฒน์ ยุทธภัณต์บริภาร อัยการสูงสุดในขณะนั้น พิจารณาแล้วได้มีคำสั่ง เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2559เห็นควรสั่งฟ้องนายทักษิณ ชินวัตร ตามข้อกล่าวหา
ต่อมาพันตำรวจโทหรือนายทักษิณ ชินวัตร ได้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร และถูกควบคุมตัวไว้ในคดีอื่นและในวันที่ 17 มกราคม 2567 อธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวน และคณะ ร่วมกับพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบคดี ได้เข้าแจ้งข้อกล่าวหา พร้อมกับพฤติการณ์และข้อเท็จจริงทางคดีนี้ให้กับพันตำรวจโทหรือนายทักษิณ ชินวัตร ทราบแล้ว ปรากฎว่า ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ พร้อมกับยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมต่ออัยการสูงสุด และต่อมา นายอำนาจ เจตน์เจริญรักษ์ อัยการสูงสด ได้มีคำสั่งสอบสวนเพิ่มเติมในประเต็นที่ผู้ต้องหาร้องขอความเป็นธรรม และพนักงานสอบสวนได้ดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติมครบถ้วนแล้วพร้อมได้ส่งบันทึกคำให้การชั้นสอบสวนเพิ่มเติมให้กับอัยการสูงสุดพิจารณา
โดยวันนี้พนักงานอัยการไม่สามารถยื่นฟ้อง พันตำรวจโทหรือนายทักษิณ ชินวัตร ต่อศาลได้ เนื่องจากพันตำรวจโทหรือนายทักษิณ ชินวัตร ไม่ได้มาพบพนักงานอัยการตามกำหนดนัด โดยได้มอบอำนาจให้ทนายความมายื่นขอเลื่อนการฟังคำสั่งของพนักงานอัยการ ออกไปเป็นวันที่ 25 มิถุนยายน 2567 เวลา 09.00 น.พร้อมแนบใบรับรองแพทย์ยืนยันว่าป่วยเนื่องจากติดโควิด โดยแพทย์ให้หยุดพักงานและสังเกตอาการเป็นเวลา 7 วัน นับตั้งแต่วันที่ 28 พฤษภาคม – 3 มิถุนายน 2567
ซึ่งนายวิพุธ บุญประสาท อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 8 ในฐานะหัวหน้าพนักงานอัยการที่ได้รับมอบหมายจากอัยการสูงสุดให้เป็นผู้รับผิดชอบคดีนี้ ได้พิจารณาแล้วเห็นว่า เหตุขอเลื่อนคดีมีการอ้างการป่วยเพราะติดโควิต โดยหมอให้พักเพื่อสังเกตอาการถึงวันที่ 3 มิถุนายน 2567 จึงอนุญาตให้เลื่อนไปวันที่ 18 มิถุนายน 2567 เพื่อนัดให้พันตำรวจโทหรือนายทักษิณ ชินวัตรมาพบพนักงานอัยการ เพื่อยื่นฟ้องต่อศาลในวันดังกล่าวต่อไป