สหรัฐหน้าแหก!!คว่ำบาตรง่อย ไบเดนยกเลิกแซงชั่น ‘ปุ๋ยรัสเซีย’ แล้ว โง่ถล่มมอสโกว์กลับยิงใส่เท้าตัวเอง

1657

วันที่ 31 มี.ค.2565  ดร.สมเกียรติ โอสถสภา อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กเกี่ยวกับสถานการณ์การค่ำบาตรของสหรัฐและตะวันตกต่อรัสเซีย มีเนื้อหาแสบสันต์ดังนี้

 

ด่วน ข่าวดี!

อเมริกาประกาศยกเว้นการแซงชั่นปุ๋ยรัสเซียแล้ว เพราะเกรงว่าจะทำให้ขาดอาหารกันทั้งโลก

เพิ่งรู้เหรอ

เพิ่งหายโง่เหรอ ก่อนประกาศไม่รู้เหรอว่า รัสเซียเป็นผู้ผลิตปุ๋ยไนโตรเจน และโปแตชที่สำคัญของโลก แซงชั่นโลกก็ขาดอาหาร คำนวณเลขได้เลย

ปุ๋ยขึ้นแล้วจะลงยาก ปุ๋ยน่ะต้องใส่ทุกเดือนแล้วแต่พืช ชาวนาชาวสวนหลายประเทศไม่มีปุ๋ยใส่ไปแล้ว ราคาแพงเพราะความงี่เง่าของอเมริกา ทุกเดือนคือโอกาสของเกษตรกรทั้งโลก

ข้าราชการอเมริกานี่งี่เง่ามาก ไม่มีข้อมูลแล้วประกาศทำไม ทำหน้าฉลาดกันเชียวตอนประกาศ

สหรัฐต้องจ่ายค่าเสียหายให้เกษตรกรทั้งโลกนะ จ่ายให้รัฐบาลทุกชาติในโลกด้วย เพราะสร้างเรื่องขึ้นมา

กว่าราคาปุ๋ยโลกจะลงต้องใช้เวลา เค้าจองกันไปแล้ว

ประกาศมาเลยว่าจะจ่ายค่าเสียหายให้ชาติละเท่าใด

งี่เง่าไร้ความรู้เช่นนี้ลาออกจากตำแหน่งผู้นำโลกดีกว่า

แซงชั่นทุกเรื่องตลกหมด

ทำไมอเมริกันยุคนี้ฉลาดน้อยกว่ายุคก่อน

ต้องขอบคุณดร.สมเกียรติฯที่นำข่าวดีมาแย้มบอกพวกเรา ซึ่งนับเป็นข่าวดีกับเกษตรกรไม่เฉพาะอเมริกา แต่ทั้งโลกเพราะต้องใช้ปุ๋ยในการผลิตทางการเกษตรผลิตอาหารป้อนประชากรโลก

อันที่จริงรัสเซียเขาเตือนมาก่อนหน้านี้แล้วว่า คว่ำบาตรรัสเซียอาจเกิดวิกฤตอาหารจะเดือดร้อนกันทั้งโลก ไม่ใช่เฉพาะรัสเซีย แต่สหรัฐฯและตะวันตกไม่ฟัง ผลเลยเหมือนกับยิงใส่เท้าตัวเองเดี้ยงซะเอง

ในสหรัฐอเมริกา สัดส่วนการนำเข้าของรัสเซียในการนำเข้าทั้งหมดคือ 6% สำหรับโพแตช 20% สำหรับไดแอมโมเนียมฟอสเฟตและ 13% สำหรับยูเรีย

ล่าสุดสำนักข่าวรัสเซียทูเดย์และอิโคโนมิกส์ไทมส์ได้เผยแพร่ว่า กระทรวงการคลังสหรัฐประกาศยกเว้นการคว่ำบาตรปุ๋ยรัสเซียทั้งหมด อ้างเกรงเดือดร้อนทั้งโลก

รายการผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการเกษตรตอนนี้ได้รับการยกเว้นจากการคว่ำบาตร รวมถึง อาหารสำหรับมนุษย์ สัตว์ที่มีชีวิต วิตามินและแร่ธาตุ วัตถุเจือปนอาหารและอาหารเสริม เมล็ดพืชสำหรับพืชอาหาร ปุ๋ย และวัสดุในการสืบพันธุ์

การคว่ำบาตรของตะวันตกต่อรัสเซีย ซึ่งเป็นผู้ส่งออกโปแตช แอมโมเนีย ยูเรีย และสารอาหารในดินรายใหญ่ ได้ขัดขวางการขนส่งปัจจัยการผลิตหลักเหล่านั้นไปทั่วโลก ปุ๋ยเป็นกุญแจสำคัญในการรักษาผลผลิตข้าวโพด ถั่วเหลือง ข้าว และข้าวสาลีให้อยู่ในระดับสูง ชาวสวนต่างดิ้นรนเพื่อปรับตัวแต่ก็สาหัสกันทั่วหน้า

ราคาปุ๋ยทั่วโลกสูงอยู่แล้วก่อนรัสเซียจะบุกเพื่อนบ้านในวันที่ 24 ก.พ. เนื่องจากราคาก๊าซธรรมชาติและถ่านหินที่สูงขึ้น  บังคับให้ผู้ผลิตปุ๋ยบางรายลดการผลิตในภาคที่ใช้พลังงานมาก เมืองต่างๆ ของยูเครนถูก”ปฏิบัติการพิเศษทางทหาร” ชาติตะวันตกตอบโต้ด้วยการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจอย่างสุดโต่งต่อรัสเซีย ในขณะที่สหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรปได้กำหนดมาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่  ต่อปธน.    อเล็กซานเดอร์ ลูกาเชนโก แห่งเบลารุส ว่าให้การสนับสนุนการโจมตีของรัสเซีย

ราโบแบงก์(Rabobank) ธนาคารของดัตช์ระบุว่า เมื่อรวมกันแล้ว รัสเซียและเบลารุสคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 40% ของการส่งออกโปแตชทั่วโลกในปี2021  ซึ่งเป็นหนึ่งในสาม ของสารอาหารที่สำคัญที่ใช้ในการเพิ่มผลผลิตพืชผล  นอกจากนี้ รัสเซียยังส่งออกแอมโมเนียทั่วโลก คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 22% การส่งออกยูเรียของโลก  14% และโมโนแอมโมเนียมฟอสเฟต (MAP)ประมาณ 14% ซึ่งเป็นปุ๋ยที่สำคัญทุกประเภท

วิกฤตปุ๋ยสร้างความกังวลมากเพราะมันสามารถยับยั้งการผลิตอาหารในส่วนอื่น ๆ ของโลก 

แม็กซิโม โทเรโร(Maximo Torero) หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ขององค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติหรือ FAO กล่าวว่า

“ถ้าเราไม่แก้ปัญหาเรื่องปุ๋ย และการค้าปุ๋ยไม่ดำเนินต่อไป เราจะมีปัญหาร้ายแรงมากเรื่องอุปทานอาหารในปีหน้า” 

จับตาดูต่อไปว่าใครจะอึดกว่ากัน ระหว่างจำเลยของสหรัฐอย่างรัสเซียซึ่งเป็นผู้ผลิตสินค้าจำเป็นในการผลิตอาหารป้อนโลก กับโจทย์อย่างชาติตะวันตกทั้งหลายที่คิดจะทำอะไรก็ได้ตามอำเภอใจ ประชาชนสหรัฐและยุโรปจะเป็นฝ่ายตัดสินชะตากรรมของผู้นำบ้าอำนาจเหล่านี้ว่า จะได้อยู่ในตำแหน่งต่อไปหรือไม่? อีกไม่นานคงจะได้เห็น!!