ไบเดนหัวเสีย! เปิดรายชื่อสมาชิกอียูเห็นต่าง คัดค้านคว่ำบาตรพลังงานรัสเซีย ไม่เดินตามเกมสหรัฐฯแล้ว!?

1711

จากกรณีที่มีรายงานว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน และบรรดาผู้นำพันธมิตรยุโรปจะหารือกันเกี่ยวกับปมของรัสเซีย ในยูเครน เมื่อวันจันทร์ (21 มี.ค.) ที่ผ่านมา โดยเริ่มต้นสัปดาห์นี้จะได้เห็น ไบเดน เดินทางเยือนโปแลนด์ หลังเข้าร่วมประชุมซัมมิตนาโตและอียู

 

โดยไบเดน เป็นเจ้าภาพนัดหารือทางโทรศัพท์ ซึ่งใช้เวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมง กับประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส โอลาฟ โชล์ซ นายกรัฐมตรีเยอรมรี มาริโอ ดรากิ นายกรัฐมนตรีอิตาลี และบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร เพื่อหารือเกี่ยวกับแนวทางตอบโต้ร่วมกัน จากการเปิดเผยของทำเนียบขาว

มีรายงานระบุด้วยว่า “พวกผู้นำหารือกันเกี่ยวกับความกังวลร้ายแรงของพวกเขาต่อกลยุทธ์ของรัสเซียในยูเครน ในนั้นรวมถึงการโจมตีใส่พลเรือนพวกเขาเน้นย้ำว่ายังคงให้การสนับสนุนยูเครน ในนั้นรวมถึงมอบความช่วยเหลือด้านความมั่นคงแก่ชาวยูเครนผู้กล้าหาญ ซึ่งกำลังปกป้องประเทศตนเองจากการรุกรานของรัสเซีย และความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ชาวยูเครนหลายล้านคนที่หลบหนี”

 

 

และในวันพุธที่ 23 มี.ค. ไบเดน จะออกเดินทางในโปรแกรมเยือนต่างประเทศที่สำคัญที่สุดนับตั้งแต่ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี เขาจะร่วมประชุมซัมมิตนาโต้และอียู ในบรัสเซลส์ วันพฤหัสบดี ที่ 24 มี.ค. จากนั้นจะพบปะกับ อันเดรจ ดูดา ประธานาธิบดีโปแลนด์ ในวันเสาร์ที่ 26 มี.ค.

แม้ว่าสงครามรัสเซียกำลังเข้าสู่เดือนที่ 2 แล้ว ในขณะที่สหรัฐฯ และตะวันตกได้กำหนดมาตรการคว่ำบาตรต่าง ๆ เล่นงานมอสโกหนักหน่วง ฉุดค่าเงินรูเบิลดำดิ่งและสั่นคลอนตลาดทุน พร้อมกับลงโทษเหล่าผู้สนับสนุนผู้มั่งคั่งของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน

 

อียูและพันธมิตรได้กำหนดมาตรการคว่ำบาตรเล่นงานรัสเซียหนักหน่วงอยู่ก่อนแล้ว ในนั้นรวมถึงอายัดทรัพย์ธนาคารกลางรัสเซีย การปิดล้อมและถล่มเมืองมาริอูโปลของรัสเซีย ซึ่ง โจเซฟ บอร์เรลล์ หัวหน้าฝ่ายนโยบายต่างประเทศของอียู เรียกมันว่า “อาชญากรรมสงครามใหญ่หลวง” ยิ่งเพิ่มแรงกดดันให้พวกเขาต้องลงมือหนักหน่วงขึ้น

อย่างไรก็ตาม การเล็งเป้าเล่นงานภาคพลังงานของรัสเซีย แบบที่สหรัฐฯ และสหราชอาณาจักรดำเนินการเป็นตัวเลือกที่เห็นต่างกันภายใน 27 ชาติสมาชิกอียู ซึ่งพึ่งพิงก๊าซธรรมชาติของรัสเซีย คิดเป็นสัดส่วน 40% ของปริมาณก๊าซธรรมชาตินำเข้าทั้งหมด


ขณะที่เยอรมนี และเนเธอร์แลนด์แย้งว่าอียูต้องพึ่งพิงน้ำมันและก๊าซธรรมชาติของรัสเซีย และไม่สามารถตัดขาดตนเองจากพลังงานของรัสเซียในตอนนี้ “คำถามเกี่ยวกับการห้ามนำเข้าน้ำมัน ไม่ใช่คำถามว่าเราต้องการหรือไม่ต้องการทำมัน หรือไม่ แต่คำถามที่แท้จริงก็คือ เราพึ่งพิงน้ำมันของรัสเซียมากแค่ไหน” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศเยอรมนีบอกกับผู้สื่อข่าว “เยอรมนีนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียปริมาณมาก และยังมีรัฐสมาชิกอื่น ๆ ที่ไม่สามารถหยุดนำเข้าน้ำมันได้ชั่วข้ามคืน” พร้อมระบุว่า อียูควรหันมามุ่งเน้นทำงานด้านลดการพึ่งพิงพลังงานของมอสโกแทน

บรรดาผู้แทนทูตบอกว่าเหตุโจมตีด้วยอาวุธเคมีของรัสเซียในยูเครน หรือการถล่มกรุงเคียฟอย่างหนัก อาจกระตุ้นให้อียูเดินหน้ามาตรการแบนนำเข้าน้ำมันรัสเซีย อย่างไรก็ตาม พวกเขาเตือนว่าพลังงานเป็นหนึ่งในภาคที่ยุ่งยากซับซ้อนที่สุดสำหรับการคว่ำบาตร และแต่ละประเทศของอียูล้วนแต่มีเส้นตายของตนเอง

ขณะที่บรรดาประเทศในแถบบอลติกต้องการคว่ำบาตรแบนนำเข้าน้ำมัน แต่เยอรมนี อิตาลีและเนเธอร์แลนด์ ซึ่งพึ่งพิงแก๊สจากรัสเซีย ตีกลับข้อเสนอ สืบเนื่องจากราคาพลังงานที่พุ่งสูงอยู่ก่อนแล้ว

ในส่วนของมอสโกเอง เตือนว่ามาตรการคว่ำบาตรลักษณะดังกล่าวอาจกระตุ้นให้พวกเขาปิดท่อลำเลียงก๊าซที่ป้อนไปยังยุโรป ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งอุปสรรคสำคัญในความเคลื่อนไหวแบนนำเข้าพลังงานจากรัสเซีย