ไพจิตอ้าง32พท.ไร้เจตนาทำลาย3สถาบัน อยากให้ทุกคนเทิดทูน! ดู10ข้อที่ม็อบต้องการ?

2559

จากที่สถาบันทิศทางไทย โพสต์แบนเนอร์ หัวข้อรายชื่อ 32 ส.ส.เพื่อไทยประกาศหนุนช่วยม็อบนักศึกษา​ปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์​??? ซึ่งประเด็น32ส.ส.กับม็อบนั้นเริ่มมาจากการแถลงของสมคิด เชื้อคง ส.ส.เพื่อไทย ที่รัฐสภา เมื่อ 14 ส.ค.63

ต่อมานายไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย และประธานคณะกรรมาธิการการปกครอง สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า คณะกรรมมาธิการการปกรองได้มีการเลือกตั้งคณะทำงาน เพื่อติดตามการชุมนุมของกลุ่มนักเรียน นิสิต นักศึกษา และประชาชน เพื่อเป็นการแก้ปัญหาไม่ให้มีผลกระทบต่อผู้ชุมนุม รวมถึงป้องกันผู้ประสงค์ร้ายกับกลุ่มผู้ชุมนุม และให้เป็นไปตามแนวทางระบบประชาธิปไตย

“จึงมีการตั้งคณะทำงานเพื่อติดตามการชุมนุม ซึ่งการตั้งคณะทำงานชุดนี้เป็นความประสงค์ของ กลุ่ม ส.ส.ในพรรคเพื่อไทยทั้งหมด 32 คนตามประกาศของคณะกรรมมาธิการการปกครอง เมื่อวันที่ 25 กันยายน โดยมีเนื้อหาสำคัญ คือมีวัตถุประสงค์ในการสังเกต ติดตามการชุมนุม ให้เป็นไปตามระบบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข รวมถึงประสานงาน กับหน่วยงานเกี่ยวข้องในพื้นที่ เพื่อให้การดูแลประชาชนที่เข้าชุมชน หรือผู้ได้รับผลกระทบ อีกทั้งให้ผู้ที่ได้รับมอบหมายดูแลการชุมชนรายงานการชุมชนมายังคณะกรรมมาธิการการปกครอง”

ทั้งนี้นายไพจิต ยังกล่าวอีกว่า สถาบันทิศทางไทยได้โพสต์เผยแพร่ข้อมูลผ่านสื่อ เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม ระบุว่า กลุ่ม ส.ส.พรรคเพื่อไทย 32 คนที่มีชื่อในประกาศของคณะกรรมมาธิการการปกครอง เป็นกลุ่มที่ประกาศตัวหนุนกลุ่มผู้ชุมชน ของนิสิต นักเรียน นักศึกษา ปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ ถือว่าข้อมูลดังกล่าวเป็นการเผยแพร่ข้อมูลที่บิดเบือนจากความเป็นจริง รวมถึงเป็นการให้ร้าย คณะกรรมมาธิการการปกครอง ทั้งที่มีเจตนาที่จะติดตามการชุมนุม ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่ให้ส่งผลกระทบต่อความมั่นคง รวมถึงสถาบันหลักของประเทศ และเป็นภาระหน้าที่ของคณะกรรมมาธิการการปกครองที่จะต้องเข้าไปดูแลติดตาม แต่เมื่อมีการเผยแพร่ข่อมูลที่ทำให้เกิดความเสียหาย

“จึงขอทำความเข้าใจไปยังประชาชน ถึงเจตนาของการออกประกาศ ไม่มีเจตนาที่จะไปทำลายสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ โดยทางพรรคเพื่อไทย รวมถึงคณะกรรมมาธิการ ต้องการที่จะให้ทุกคน เทิดทูนในสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และชุมนุมภายใต้สิทธิเสรีภาพ และอยู่ภายใต้กฎหมายรัฐธรรมนูญ แต่ถูกสถาบันทิศทางไทย เผยแพร่ข้อมูลบิดเบือน ทางคณะกรรมมาธิการปกครองจึงต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาบิดเบือนสร้างความขัดแย้งในสังคมตามมา” นายไพจิต กล่าว