อ.ไชยันต์ เปิดหลักฐานเด็ด “กลุ่มทะลุฟ้า” ปลอมแปลงเอกสารลับอังกฤษ เรื่องจริงเหตุการณ์ 14 ต.ค. ถูกบิดเบือน?

1836

โดนฉีกหน้ากากแล้ว!? อ.ไชยันต์ เปิดหลักฐานเด็ด “กลุ่มทะลุฟ้า” ปลอมแปลงเอกสารลับอังกฤษ เรื่องจริงเหตุการณ์ 14 ต.ค. ถูกบิดเบือน?

หลายๆคนต่างเกิดความสงสัยเมื่อ เอกสารลับของประเทศอังกฤษ ที่ได้เปิดเผยความจริงของเหตุการณ์ 14 ตุลา ได้ถูกนำมาขยายความไม่เหมือนกันในแต่กลุ่มแนวคิดทางการเมือง รวมถึงกลุ่มผู้ชุมนุม ยังได้ใช้เอกสารดังกล่าวขยายความต่อโดยการนำไปบิดเบือนตามที่ตนเองอยากให้เป็น

ล่าสุดทางด้านของ ศ.ดร.ไชยันต์ ไชยพร นักปรัชญาการเมือง และทฤษฎีการเมืองชื่อดังของประเทศไทย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊คส่วนตัว ถึงความผิดปกติในเอกสารลับ ที่ เพจทะลุฟ้า ได้นำไปเผยแพร่ต่อ โดยเอกสารลับของอังกฤษดังกล่าวนั้น เพิ่งได้เปิดเผยให้ทั่วโลกได้รับทราบความจริง เมื่อปี 63 ที่ผ่านมา

ในบทความของ เพจ ทะลุฟ้า เรื่อง “เปิดบันทึกทูตอังกฤษ: การแทรกแซงของสถาบันกษัตริย์ที่มีต่อเหตุการณ์ 14 ตุลา 2516” โพสต์วันที่ 14 ตุลาคม 2564 “ทะลุฟ้า” ได้ลงข้อความว่า

“ในช่วงหลังจากเหตุการณ์วันที่ 14 ตุลา 2516 Sir Arthur James de la mare (เซอร์ อาร์เธอร์ เจมส์ เดอ ลาแมร์) เอกอัครราชทูตอังกฤษประจำกรุงเทพฯ ในสมัยนั้นได้มีการส่ง “บันทึกลับ” ที่เกี่ยวกับการปฏิวัติในเดือนตุลาคมไปยังกรุงลอนดอนเพื่อเล่าถึงเหตุการณ์ที่น่าประหลาดใจเกี่ยวกับเหตุการณ์ครั้งนั้น

โดยเอกสารนี้ปัจจุบันไม่ได้เป็นเอกสารลับอีกต่อไปและสามารถเผยแพร่สู่สาธารณะ โดยในบันทึกนั้น เดอ ลาแมร์ได้ตั้งข้อประหลาดใจไว้ 2 อย่างเกี่ยวกับการล่มสลายที่ง่ายดายเกินไปของรัฐบาลถนอม และการแทรกแซงของพระมหากษัตริย์ในการยุติความรุนแรง………..

…….ในประเด็นที่เดอ ลาแมร์ประหลาดใจประเด็นแรกคือ การล่มสลายที่ง่ายดายเกินไปของรัฐบาลถนอม และเข้าก็ได้ตั้งข้อสงสัยว่าอาจจะเป็นเพราะสถาบันกษัตริย์นั้นได้คาดการณ์แล้วว่า รัฐบาลจอมพลถนอมนั้นจะไปไม่รอด ก็เลยเลือกที่จะเข้าข้างกลุ่มนักศึกษาเพื่อรักษาฐานเสียงที่มีมากกว่าเพื่อความสร้างความดีความชอบต่อประชาชน…”

หากไปดูเอกสารรายงานดังกล่าวของ เดอ ลาแมร์ (ดูเอกสารแนบ)
จะไม่พบข้อความที่ว่า
“สถาบันกษัตริย์นั้นได้คาดการณ์แล้วว่า รัฐบาลจอมพลถนอมนั้นจะไปไม่รอด ก็เลยเลือกที่จะเข้าข้างกลุ่มนักศึกษาเพื่อรักษาฐานเสียงที่มีมากกว่าเพื่อความสร้างความดีความชอบต่อประชาชน…”

แต่เดอ ลาแมร์ ประหลาดใจจริงๆกับการยุติความรุนแรงลงได้อย่างฉับพลัน
โดยเขาได้เขียนไว้ในย่อหน้าแรกว่า
“การล่มสลายลงอย่างง่ายดายของระบอบ (คณาธิปไตยของทหาร) เกิดขึ้นอย่างน่าประหลาดใจ รวมทั้งการยุติการความรุนแรงอย่างน่าประหลาด”
โดย เดอ ลาแมร์ เขียนว่า สาเหตุที่บ้านเมืองสงบลงได้อย่างรุนแรงเป็นเพราะ

“จากการทราบข่าวว่า จอมพลถนอม-ประภาส และพันเอกณรงค์ ได้ออกไปจากประเทศ และ การลงมาอยู่ข้างนักศึกษาและประชาชนของกษัตริย์เป็นปัจจัยตัดสินสำคัญเด็ดขาด (decisive) ”
และเดอ ลาแมร์ยังได้กล่าวไว้อีกในหัวข้อที่ 3 ว่า

“3. อะไรที่เป็นสาเหตุให้ยุติความรุนแรงอย่างฉับพลัน ?
สาเหตุได้แก่ ข่าวที่ออกมาว่า บุคคลที่เป็นที่รังเกียจทั้งสามได้ออกนอกประเทศไปแล้ว และ วิถีแบบไทยที่น่าพิศวง และเหนือสิ่งอื่นใด คือ การลงมาของกษัตริย์”
และเขาได้ขยายความต่อมาในหัวข้อที่ 6 ว่า

“6. ทำไมการจลาจลในจำนวนผู้คนมหาศาล มีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นจนกระทั่งตอนเย็นของวันที่ 15 ตุลาคม กลับยุติลงด้วยความสงบอย่างฉับพลันหลังสองชั่วโมงต่อมา ?
แน่นอนว่า การทราบข่าวที่ประกาศว่า คนทั้งสามกำลังออกจากประเทศมีส่วนให้ทุกอย่างสงบลง
และปัจจัยของวิถีแบบไทยที่น่าสนเท่ห์ เพราะในขณะที่คนไทยถูกปลุกเร้าจนมีแนวโน้มที่จะใช้ความรุนแรงเหมือนอย่างคนชาติใดๆก็ตาม พวกเขารู้สึกภายในใจว่า มันละเมิดความเป็นไทยและความเป็นพุทธ
แต่เหนือสิ่งอื่นใด ข้าพเจ้าคิดว่า เราต้องยอมรับพระราชอำนาจอันเร้นลับ (mystic- อาจอนุโลมแปลว่า ศักดิ์สิทธิ์) ของกษัตริย์ที่ทำให้ทุกอย่างจบลงได้อย่างพิเศษ”

ส่วนที่ ในหลวงรัชกาลที่เก้าคาดการณ์นั้น เดอ ลาแมร์ ได้กล่าวไว้ว่า
“จริงๆแล้ว บุคคลเดียวที่ข้าพเจ้ารู้ ที่คาดการณ์ล่วงหน้าถึงความรุนแรงของสถานการณ์คือ พระมหากษัตริย์
เมื่อ มิสเตอร์ Royle เข้าเฝ้าพระองค์ในวันที่ 10 ตุลาคม การทำกิจกรรมทั้งหลายทั้งปวงของนักศึกษายังไม่มีความรุนแรงอะไรและยังสงบสันติ แต่พระองค์ทรงตรัสว่า พระองค์ทรงวิตกอย่างยิ่งว่าจะเกิดการนองเลือด พระองค์ทรงวิจารณ์รัฐบาลอย่างหนักที่ไปจับกุมตัวสิบสองนักศึกษา และโดยเฉพาะอย่างยิ่งด้วยเหตุผลที่ใช้ในการจับกุม

ทั้งตัวพระองค์เอง ประชาชนส่วนใหญ่ต้องการรัฐธรรมนูญ และนักศึกษามีสิทธิ์เต็มที่ในการชุมนุมเรียกร้องรัฐธรรมนูญอย่างสงบสันติ”

ดังนั้น จะเห็นได้ว่า เพจ “ทะลุฟ้า” นำบทความดังกล่าวของ BBC Thai มา ตีความและใส่ข้อความของตัวเองผสมลงไป ทำให้คนอ่านอาจเข้าใจไปว่าเป็นคำกล่าวของ เดอ ลาแมร์ (ดูเอกสารแนบ)
ขอขอบคุณ คุณ จิระพงษ์ พิพัฒน์เจษฎากุล ที่ให้คำแนะนำมาครับ
ร่วมด้วยช่วยกัน !