จากกรณีเมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2564 ที่น.ส.เบนจา อะปัญ สมาชิกแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาจากคดีความฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน กรณีการชุมนุมวันที่ 3 ก.ย.บริเวณแยกราชประสงค์
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการตรวจสอบพบว่า น.ส.เบนจา อะปัญ ถูกเจ้าหน้าที่ออกหมายจับ โดยเป็นหมายจับของศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ 241/2564 ลงวันที่ 3 ก.ย.64 ในข้อหาหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอามาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ มาตรา112, ร่วมกันจัดกิจกรรมรวมกลุ่มของบุคลที่มีจำนวนร่วมกันมากกว่าห้าคนในเขตพื้นที่ที่มีการประกาศหรือคำสั่งกำหนดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด และร่วมชุมนุมหรือทำกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพรโรคในพื้นที่ที่มีการหรือคำสั่งกำหนดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด จากการชุมนุมคาร์ม็อบเมื่อวันที่ 10 ส.ค.
โดยน.ส.เบนจา ได้อ่านประกาศแถลงการณ์ 5 ข้อเรียกร้องที่หน้าบริษัทชิโนไทย เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ทองหล่อ ได้แสดงหมายจับ แต่ น.ส.เบญจา ขัดขืน เจ้าหน้าที่ตำรวจหญิง 2 คน ต้องนำตัวขึ้นรถเพื่อนำตัวไปยัง สน.ทองหล่อ ดำเนินคดี
ล่าสุดที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ถ.เจริญกรุง พนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ ยื่นคำร้องฝากขังครั้งที่ 1 ผ่านระบบ VDO Conference น.ส.เบนจา อะปัญ อายุ 22 ปี แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุมผู้ต้องหาคดีความผิดดูหมิ่นสถาบันตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และความผิดอื่นเกี่ยวกับการชุมนุม โดยพนักงานสอบสวน ระบุพฤติการณ์ความผิดสรุปว่า เมื่อวันที่ 10 ส.ค.64 ผู้ต้องหากับพวกกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ได้จัดกิจกรรมที่มีการปราศรัยหน้าอาคารชิโน-ไทย ทาวเวอร์ แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา โจมตีการทำงานของรัฐบาลและดูหมิ่นสถาบันฯ
พนักงานสอบสวนจึงแจ้งข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และฝ่าฝืนข้อกำหนดที่ออกตาม พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 และประกาศเกี่ยวกับการห้ามชุมนุมหรือทำกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรคในพื้นที่ที่มีการหรือคำสั่งกำหนดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ทั้งนี้ ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ
พนักงานสอบสวน จึงขอฝากขังผู้ต้องหาเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 8-19 ต.ค.นี้ เนื่องจากการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ต้องรอสอบพยานเพิ่มเติมและการตรวจสอบประวัติทะเบียนอาชญากร โดยท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนได้ขอคัดค้านการประกันตัวด้วย ศาลพิจารณาคำร้องและเหตุจำเป็นแล้ว อนุญาตให้ฝากขังได้ ต่อมาญาติผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ ขอปล่อยชั่วคราว อย่างไรก็ตามศาลพิเคราะห์ความหนักเบาแห่งข้อหาแล้วเห็นว่าคดีมีอัตราโทษสูง ประกอบกับพฤติการณ์ได้ก่อเหตุเกี่ยวกับสถาบันเบื้องสูงที่ผู้จต้องหาเคยถูกฟ้องที่ศาลนี้ไว้ ทั้งพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว ในชั้นนี้จึงเห็นควรไม่อนุญาตปล่อยชั่วคราว ให้ยกคำร้อง ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จะรับตัวน.ส.เบญจา ผู้ต้องหาไปควบคุมไว้ที่ทัณฑสถานหญิงกลางต่อไป