จากกรณีเกิดเหตุจลาจล เมื่อกลุ่มคนบางกลุ่มรวมตัวชุมนุมประท้วงในประเทศสหรัฐอเมริกา ทำให้เกิดการปะทะกันขึ้นนำไปสู่ความรุนแรงในการรับมือกับผู้ชุมนุม เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตแล้วถึง 4 ราย
โดยทั่วโลกได้มีการแสดงความเห็นถึงเหตุการณ์ดังกล่าว และระบุว่า โดนัลด์ ทรัมป์จะต้องรับผิดชอบจากการสูญเสียในครั้งนี้ โดยไม่มีใครกล่าวหาการทำหน้าที่ในการปกป้องรัฐสภาของเหล่าเจ้าหน้าที่เลยแม้แต่น้อย
ทำให้นึกย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์สลายการชุมนุมของม็อบคณะราษฎรโดยเจ้าหน้าที่ของประเทศไทย ในปี 2563 ที่ได้ทำการฉีดน้ำเพื่อยุติการชุมนุมเท่านั้น แต่กลับมีโดนสังคมกระหน่ำรุมจวกด่า วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ว่าเป็นการใช้ความรุนแรงเกินกว่าเหตุ ทั้งที่เจ้าหน้าที่ได้มีการประกาศเตือนก่อนทำการฉีดน้ำเพื่อสลายการชุมนุมทุกครั้ง แต่ผู้ชุมนุมก็หาได้ปฏิบัติตามคำเตือนนั้นไม่
ช่วงเวลาเดียวกันนั้น เหล่าดารานักแสดง นักการเมือง และนักวิชาการที่อ้างตัวเองเป็นฝั่งประชาธิปไตย ได้ออกมาโหนกระแส เหตุการณ์ดังกล่าวจำนวนมาก ราวกับรัฐเลือกใช้มาตรการความรุนแรงโหดร้ายกับเหล่าผู้ชุมนุม
หนึ่งในนั้นคือ ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.ชาญวิทย์ เกษตรศิริ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์(มธ.) ที่ได้เคยออกมาเคลื่อนไหวกับเหตุการณืดังกล่าวเช่นกัน โดยนายชาญวิทย์ ได้โพสต์รูปภาพการ์ตูนความรุนแรงเกินจริงของการสลายการชุมนุม
ซึ่งเป็นการสร้างความเข้าใจผิดกับให้กับผู้พบเห็นเหตุการณ์ดังกล่าว ราวกับต้องการทำลายภาพลักษณ์ใส่ร้ายรัฐบาลและการทำงานของเจ้าหน้าที่
ขณะเดียวกัน เหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับเหล่าผู้ชุมนุมสหรัฐฯ ล่าสุดนั้น นายชาญวิทย์ที่มักจะแสดงความคิดเห็นทางการเมืองอยู่เสมอ กลับเงียบเป็นเป่าสาก ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เกี่ยวกับเรื่องนี้ ล่าสุด ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ ดร.นิว นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และคณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้โพสต์ข้อความถึงนายชาญวิทย์ ระบุว่า
“สหรัฐโชคดีที่ไม่มีคนอย่าง “ชาญวิทย์ เกษตรศิริ”
ขนาดประเทศไทยมีแค่การฉีดน้ำสลายการประท้วง นายชาญวิทย์ยังโหนภาพการ์ตูนนักเรียนชู 3 นิ้วถูกยิง และมีเลือดนอง
แบบนี้เรียกว่า…นายชาญวิทย์สำเร็จความรุนแรงด้วยภาพการ์ตูนได้หรือไม่? นายชาญวิทย์กระหายความรุนแรงใช่หรือเปล่า?
#ให้มันจบที่ชาญวิทย์
#ให้ชาญวิทย์จบที่รุ่นเรา”
