สื่อต่างประเทศวิเคราะห์ม็อบไทย-ม็อบฮ่องกงเหมือนโคลนนิ่ง ชี้เบื้องหลังได้รับการสนับสนุนทั้งการเงินและเครือข่ายจากมหาอำนาจตะวันตก และมหาเศรษฐีที่ต้องการขึ้นสู่อำนาจในไทย เปิดความสัมพันธ์ผู้นำสองม็อบต่อเนื่องก่อนลงถนน ภาคเอกชนไทยและหอการค้าต่างประเทศเรียงหน้าวิจารณ์รัฐบาล เร่งรัดปิดเกมส์การเมืองอย่างรวดเร็ว ขณะนักลงทุนสถาบันของฝรั่งเทขายหุ้น-บอนด์ต่อเนื่อง อ้างกังวลการเมืองสอดรับกันอย่างน่าสังเกตุ บทเรียนวิกฤติเศรษฐกิจครั้งก่อนใครทุบทำลาย ใครได้ประโยชน์
สหรัฐฯให้ทุนยุยงปลุกปั่นอย่างออกนอกหน้า
สื่อต่างประเทศวิเคราะห์ว่า หน่วยงานที่ได้รับทุนสนับสนุนจากสหรัฐ ใช้เครือข่ายที่สร้างขี้นมายาวนานในนามของสิทธิมนุษยชน สิ่งแวดล้อม ขยายความขัดแย้งสนับสนุนการปฏิวัติพลิกแผ่นดินในประเทศไทย อย่างเปิดเผย
นับเนื่องเป็นสัปดาห์ที่สื่อตะวันตกทุกค่ายจะวาดภาพ การประท้วงของนักเรียน-นักศึกษาในประเทศไทยเป็นพลังบริสุทธิ์ ปฏิเสธการสนับสนุนอยู่เบื้องหลังขององค์กรภายใต้การกำกับของสหรัฐฯ ทั้งที่ภาพความสัมพันธ์ระหว่างแกนนำเยาวชน-นักศึกษาไทย และนายโจชัวร์ หว่อง ออกจะเด่นชัดเปิดเผย สื่อนอกและสื่อในประเทศที่เลือกข้างแล้ว แต่ทำกระมิดกระเมี้ยน ทำเป็นมองไม่เห็น สัญญาณนี้บ่งขัดมานานนับเดือนก่อนเกิดการชุมนุมประท้วงของนักเรียน นักศึกษา
ปฏิเสธไม่ได้ว่า องค์กรนำในการลงถนนประท้วงของนักศึกษาได้รับการสนับสนุนจาก NED: the US National Endowment for Democracy ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงกำไรภายในงบฯของรัฐบาลสหรัฐ
ไม่ใช่แค่เมืองไทย เครือข่ายนี้ครอบคลุมกลุ่มปัญญาชนทั้งเอเซีย-แปซิฟิก โดยเฉพาะฮ่องกงที่เริ่มแสดงฤทธิ์เดชหนักหน่วงขึ้นเมื่อ สงครามการค้า-สงครามเย็น ระหว่างสหรัฐ-จีนเริ่มเขม็งเกลียวขึ้น และสำหรับเมืองไทย สหรัฐระดมเครือข่ายที่วางไว้ทุกสายสนับสนุน การลงถนนของนักศึกษาไทยอย่างมีการจัดการที่เป็นระบบ
โจชัวร์ หว่อง-เพ็นกวิน เปิดตัวขัดว่าเกี่ยวข้องและพร้อมช่วยหนุนการลงถุนนของนักศึกษา ให้มีภาพลักษณ์เป็นการต่อสู้เชิงสากล และเผยแพร่ภาพทางโซเชียลมีเดีย สนับสนุนการเคลื่อนไหวแกนนำในไทยอย่างต่อเนื่อง
หว่อง-เพนกวิน สองนครา-สามประสาน
หว่องเผยแพร่ข้อเขียนปลุกระดมของตนลงในโซเชียลมีเดีย แน่นอนขบวนการในไทยเร่งแชร์แพร่หลายเข้าสุ่โทรศัพท์มือถือของ เยาวชน นักเรียน นักศึกษาไทยอย่างกว้างขวาง
- สองวันก่อนลงถนน 16 สิงหาคม มันเป็นเรื่องสยดสยองที่รู้ว่า ตำรวจไทยจับกุมผู้นำนักศึกษา นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ และอุ้มเขาเข้าในรถยนต์เพื่อขัดขวาง คนไทยร้องขอการเปลี่ยนแปลง
- เมื่อคนรุ่นใหม่ต่อสู้ด้วยเลือดและน้ำตาเพื่ออนาคตที่ดีงาม ซึ่งประชาชนสามารถมีชีวิคอยู่อย่างมีศักดิ์ศรี ยุติธรรม และมีเสรีภาพ ไม่มีอะไรมากไปกว่า ต้องขุดรากอำนาจมืดแห่งเผด็จการ เพื่อให้เวลาย้อนหลังสู่การปราบปราม และกฎหมายทารุณแห่งผู้มีอำนาจจะแสดงตัวตน
- การคุกคามและความกลัวไม่อาจเปลี่ยนแปลงจิตวิญญาณแห่งความเปลี่ยนแปลง และไม่สามารถแย่งยื้ออนาคต ตลอดจนกักขังวิญญาณเสรีของเราได้ และสถานการณ์ในประเทศไทยกำลังเข้มข้น ผมหวังประชาชนผู้รักเสรีภาพจะยืนเคียงข้างประเทศไทยและปกป้องปะริท
คำพูดสวยหรูของหว่อง ไม่ได้บอกว่า ตนเองได้รับเงินสนับสนุนจากสหรัฐเท่าไหร่ และไม่พูดถึงอาชญากรรมทารุณ ไร้มนุษยธรรมที่เกิดขึ้นในระหว่างที่ พวกเขาปลุกระดมให้ทุกคนลุกขึ้นทำลายบ้านเมืองตนเอง ไม่พูดถึงการเผาทำลายโครงสร้างพื้นฐานในประเทศ ไม่พูดถึงการไล่ล่าทำร้ายคนเห็นต่างถึงขนาดเผาชาวฮ่องกงด้วยกัน เพียงเพราะเขาไม่เห็นด้วยที่ทำลายบ้านเมือง
คำพูดอ้างแต่ “เสรีภาพ-ภราดรภาพ และความยุติธรรม” อย่างไม่ละอายต่ออาชญากรรมที่กระทำต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกันในรอบศตวรรษที่ 21 ท่ามกลางการทำลายล้างไร้สติของขบวนประท้วงในฮ่องกง และทุกวันนี้ยังมีอยู่อย่างต่อเนื่องเพียงแต่ซาลง เพราะกฏหมายควบคุมฉบับใหม่ที่เพิ่งประกาศใช้รับมือการบ่อนทำลายเหล่านี้ และแน่นอนก็ไม่เอ่ยถึง ทุนสนับสนุนเบื้องหลังพริษฐ์และเพนกวินด้วย
อำนาจภายนอก+คนในที่ใฝ่ฝันครองแผ่นดิน
พริษฐ์ เดินทางไปฮ่องกงเพื่อพบปะกับโจชัวร์ หว่อง และนักศึกษาคนอื่นๆที่เป็นแกนนำการประท้วงปัจจุบันนี้ และแสดงความเกี่ยวโยงกับทักษิณ ชินวัตร และธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจอย่างเปิดเผย ซึ่งเคยกล่าวไว้ว่าจะลงถนนแน่นอน เมื่อปลายปี 2019
ภายใต้การสนับสนุนจากสหรัฐ มหาเศรษฐีชื่อดังยังติดค้าง สร้างผลงานเลวร้ายในประวัติศาสต์ของประเทศไทย ทักษิณ ชินวัตร ได้สังหารผุ้คนนับพันราย ในสมัยมีอำนาจช่วงปี 2001-2006 รวมทั้งเกือบ 3,000 คนระหว่างก่อ “สงครามปราบยาเสพติด” 90 วัน ปี 2003, สังหารผู้ประท้วงขับไล่ในวันเดียว 85 คนในปี 2004 และ 18 คนทั้งถูกอุ้มหายและสูญหายไร้ร่องรอยสมัยมีอำนาจ และอีกนับไม่ถ้วนระหว่างการต่อสู้เพื่อกลับมามีอำนาจของเขา ในเหตุการณ์ประท้วงเสื้อแดง พ.ศ.2553 (2010)
ทักษิณ ชินวัตร ใช้อำนาจบารมีในทุกช่องทางเพื่อหวนกลับคืนสู่อำนาจในเมืองไทยอีกครั้ง ร่วมมือกับมหาเศรษฐีหนุ่ม ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ แห่งพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งถูกยุบไป และก่อตั้งเครือข่ายเป็นพรรคก้าวไกล มีกลุ่มการเมืองอิสระ ก้าวหน้าคอยประกบ ธนาธรเคยประกาศจะลงถนนเมื่อแพ้การเลือกตั้ง
จะเห็นว่าการพยายามสร้างความชอบธรรมในการก่อการประท้วงว่า เป็น “ม๊อบนักศึกษา” เป็นเพียงกลยุทธ์ที่ประสานกับสือตะวันตก ที่เชิดชู ม๊อบนักศึกษา เป็นการประท้วงบริสุทธิ์ และเลียนแบบกลยุทธ์เดียวกับที่ใช้กับฮ่องกง และผู้สนับสนุนตัวจริงต่อม๊อบหว่อง รอดตัวไม่ถูกจับ
ธนาธรฯเองก็ไปพบโจชัวร์ หว่องที่ฮ่องกง ชัดภาพเทห์หรู โดย รอยเตอร์ชงบทความ “จีน ประณามนักการเมืองไทยสนับสนุนผู้นำการประท้วงฮ่องกง” กลยุทธ์เสี้ยมจีน-ไทยแบบที่ถนัด และสื่อไทยก็รับลูกขยายวงทั่วหน้า 1 ของข่าวสารอยู่หลายวัน
รอยเตอร์ระบุ ” สถานทูตจีนในกรุงเทพ ประณามนักการเมืองไทยแสดงตัวสนับสนุน นักเคลื่อนไหวฮ่องกงที่เกี่ยวข้องการประท้วงต้านรัฐบาล กล่าวว่าอาจทำให้กระทบความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ”และเน้นไปที่ธนาธร โดยเฉพาะ เพื่อให้เห็นว่าเป็นผู้นำฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลไทย
การก่อรูปหน่วยยุแยงใข้ชื่อว่า “พันธมิตรชานม-Milk Tea Alliance” เป็นกลุ่มแนวหน้าปลุกระดม ยุยงทางออนไลนฺ์ ที่เข้าไปมีบทบาทในสงครามไซเบอร์มานานพอสมควร แสดงบทบาทโฆษณาชวนเชื่อแอนตี้จีนอย่างเปิดเผยใน โซเชียลมีเดียสหรัฐ เข่น Facebook และ Twitter ประสานเสียงเดียวกับหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐ
ประชาธิปไตย โดยคำจำกัดความคือ กระบวนการตัดสินใจเลือกด้วยตนเอง แต่ในข้อเท็จจริง ทุกอย่างที่เกี่ยวกับการประท้วงในประเทศไทยและฮ่องกง ได้ถูกกำหนดและสร้างอิทธิพลทางความคิดต่อเนื่องมาโดยตลอด เมื่อขบวนการนักศึกษาเป็นกองหน้าแห่งการเปลี่ยนแปลงหลายที่ในสังคมเอเซีย จึงถือเป็นกองหน้าเป้าหมายของมหาเศรษฐีไทยทั้งสองที่มีวาระซ่อนเร้นทั้งเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กับมหาเศรษฐีฮ่องกง และมหาอำนาจผุู้ให้การสนับสนุนเบื้องหลัง เพื่อช่วงชิงอำนาจมาอยู่ในมือตนเอง และมีเป้าหมายเพื่อต่อต้านจีนเป็นวาระหลักนั่นเอง
เอกชนไทยจี้รัฐปลดชนวนม๊อบ-หรือไม่รุ้จริงๆว่าใครก่อการ
สภาหอการค้าไทย-สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ให้สัมภาษร์กังวลต่อสถานการณ์การชุมนุม หากยืดเยื้อจะฉุกเศรษฐกิจไทยให้ดิ่งหนัก เหล่านักวิเคราะห์การลงทุนต่างกังวลสถานการณ์การเมืองมีผลต่อตลาดหุ้นไทย และค่าเงินบาทแน่นอน และชี้ว่าหากเป็นสถานการณ์ช่วงสั้นจะกระทบไม่มาก แต่ถ้าลากยาวกระทบหนักแน่ เพราะประเทศเพื่อนบ้านที่เป็นคู่แข่งดึงการลงทุนจากต่างประเทศมาแรงแซงโค้งไทยหลายเรื่อง เพราะการเมืองสงบ มาตรการจูงใจให้สิทธิ์พิเศษ อาจทำไทยเสียโอกาสเมื่อบริษัทยักษ์หลายแห่งกำลังจะย้ายฐานจากจีน
ในที่สุดก็คงต้องขึ้นอยู่กับฝีมือของรัฐบาลพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่จะสามารถรับมือกับสถานการณ์คุกรุ่นของ “ม๊อบนักศีกษาไทย” ในวันนี้ และอาจต่อเนื่องไปอีกตามปัจจัยภายนอกที่เป็นตัวกำหนด พฤติกรรมของม๊อบและผู้นำม๊อบแสดงชัดว่า ไม่ใช่ความขัดแย้งทางความคิดจากภายในระหว่างคุนรุ่นใหม่ คนรุ่นเก่าเท่านั้น ซึ่งแน่นอนย่อมสามารถหาทางพูดคุยประนีประนอม ค้นหาทางออกที่ขนะทุกฝ่ายได้ เพราะความจริง เป็นขบวนการที่มีการจัดการมาอย่างเป็นระบบ ที่แฝงอยู่ในสังคมไทยมานานนับ 10 ปี และระเบิดเป็นฝีแตก เพราะตัวการใหญ่ยังไม่ได้ผลประโยชน์อย่างที่หวัง แรงกดดันจึงยังคงไม่จบง่าย ถ้าการต่อรองผลประโยชน์ยังไม่เสร็จสิ้น ไม่ว่าขบวนการนักศึกษา-ฝ่ายซ้ายไทยจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม ?!