นับถอยหลังอีก 3 วัน นายกรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา เตรียมเปิดบริการรถไฟฟ้าสายสีเขียวตลอดเส้นทางทั้ง 59 สถานี เชื่อมการเดินทาง 3 จังหวัด ปทุมธานี-กรุงเทพ-สมุทรปราการ แม้ติดขัดยื้อต่อสัมปทาน รอรัฐบาลตัดสินใจขั้นสุดท้าย ขณะที่กทม.แจงยอมรับค้างหนี้บีทีเอส 8,200 ล้านบาท แต่บอก “ไม่มี-ไม่หนี-แต่ยังไม่จ่าย” และพร้อมเปิดบริการรถไฟฟ้าสายสีทองไร้คนขับสายแรกของไทยเที่ยวปฐมฤกษ์ 16 ธ.ค.นี้
นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะเป็นประธานการเปิดบริการเดินรถโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต และโครงการระบบขนส่งมวลชนขนาดรอง สายสีทอง โดยนายกรัฐมนตรีและสื่อมวลชน จะได้ร่วมโดยสารรถไฟฟ้าสายสีทองที่เชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายสีเขียวจากสถานีกรุงธนบุรี ไปยังสถานีคลองสาน เพื่อเป็นการเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายสีทอง เที่ยวปฐมฤกษ์ ในวันพุธ ที่ 16 ธันวาคมนี้
ด้วยการพัฒนาระบบรถขนส่งมวลชนแบบไร้รอยต่อระหว่างรถไฟฟ้าสายสีเขียวและสายสีทองนี้ ทำให้สามารถเชื่อมการเดินทางของประชาชนถึง 3 จังหวัด คือ ปทุมธานี กรุงเทพฯ และสมุทรปราการ เพิ่มทางเลือกในการเดินทางสำหรับประชาชน รวมทั้งรถไฟฟ้าสายสีทองยังเป็นระบบรถไฟฟ้าล้อยางไร้คนขับสายแรกของประเทศไทย ช่วยลดมลพิษและประหยัดพลังงานอีกด้วย
ทั้งนี้ การเปิดให้บริการเดินรถโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต เพิ่มจำนวน 7 สถานี (สถานีพหลโยธิน59 สถานีสายหยุด สถานีสะพานใหม่ สถานีโรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช สถานีพิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศ สถานีแยกคปอ. และสถานีคูคต) ซึ่งเป็นส่วนสุดท้าย เป็นผลให้โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ประสบความสำเร็จ ในการเปิดให้บริการครบทุกสถานี ตลอดเส้นทาง ทั้ง 59 สถานี รวมระยะทางกว่า 68 กิโลเมตร คาดว่าเมื่อรวมกับเส้นทางที่เปิดสามารถรองรับผู้โดยสารได้ถึง 1,500,000 เที่ยว/คนต่อวัน
ขณะที่ โครงการรถไฟฟ้าสายสีทองเป็นโครงการขนส่งมวลชนขนาดรอง ระยะที่ 1 มีระยะทาง 1.8 กิโลเมตร ประกอบด้วย 3 สถานี คือ กรุงธน-เจริญนคร-คลองสาน เป็นระบบขนส่งมวลชนแบบนำทางอัตโนมัติ Automated Guideway Transit (AGT) หรือรถไฟฟ้าระบบ Automated People Mover (APM) คาดการณ์ผู้โดยสาร 42,000 เที่ยวคน/วัน ซึ่งสามารถเชื่อมโยงการเดินทางด้วยระบบล้อ ราง รวมทั้งการเดินทางด้วยเรือโดยสารในแม่น้ำเจ้าพระยาอีกด้วย
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวเพิ่มเติมว่า การพัฒนาโครงข่ายรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลทั้ง 14 สาย ระยะทางกว่า 553.41 กิโลเมตร ปัจจุบันเปิดให้บริการแล้ว 9 เส้นทาง และตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไปจะมีการเปิดให้บริการรถไฟฟ้าในทุกๆ ปี ได้แก่ 2564 สีแดงเข้ม (บางซื่อ-รังสิต) สีแดงอ่อน (บางซื่อ–ตลิ่งชัน) ปี 2565 สีชมพู (แคราย-มีนบุรี) สีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) และ ปี 2566 สีแดงเข้ม (รังสิต-มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต) สีแดงอ่อน (ตลิ่งชัน-ศาลายา) – สีแดงอ่อน (ตลิ่งชัน-ศิริราช) เป็นต้น
ทั้งนี้ รัฐบาลยังมีการลงทุนพัฒนาระบบราง ทั้งรถไฟฟ้า รถไฟทางคู่ รถไฟทางสายใหม่ และรถไฟความเร็วสูงที่อยู่รหว่างการดำเนินสูงถึง 1.5 ล้านล้านบาท เพื่อเป็นแกนหลักการเดินทางและขนส่งของประเทศ ยกระดับการเดินทางของประชาชนในกรุงเทพฯ และภูมิภาคต่างๆ ให้มีความเสมอภาคและเท่าเทียมกัน” โฆษกรัฐบาลกล่าวย้ำ
กทม.เป็นหนี้บีทีเอส-ไม่มี ไม่หนี ยังไม่จ่าย
พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่าในส่วนของสายสีเขียว แม้จะยังไม่ชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องสัมปทานที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา แต่เบื้องต้นจะเปิดให้โดยสารฟรีไปจนถึงวันที่ 1 ม.ค. 2564 แต่ กทม.จะไม่ทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบ อาจจะต้องของบประมาณจากรัฐบาลมาสนับสนุนค่าใช้จ่ายตรงนี้ ซึ่ง กทม.ยอมแบกภาระหนี้เดินรถต่อไปก่อน โดยมูลหนี้ค่าจ้างเดินรถสายสีเขียวส่วนต่อขยายที่ต้องจ่ายให้ บมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ (BTSC) ขณะนี้อยู่ที่ 8,200 ล้านบาท ไม่รวมค่าโครงสร้างและงานระบบอีก กทม.ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย แต่ค่อยว่ากัน
“ยืนยันว่าเงินที่ค้างอยู่ 8,200 ล้านบาท จะหาใช้คืนเอกชนแน่ แต่จะด้วยวิธีการไหนขอให้มีมติ ครม.เรื่องสัมปทานก่อน และไม่ว่าจะออกในแนวทางไหน ก็จะเดินรถเพื่อไม่ให้ประชาชนได้รับผลกระทบ” พล.ต.อ.อัศวินกล่าว