ไพศาล เฉลย ทำไมขบวนเสด็จจึงเคลื่อนผ่าน ณ ที่มีการชุมนุม ถนนราชดำเนิน ทำให้ผู้ชุมนุมลุกขึ้นพร้อมกัน แล้วหันหลังให้ขบวนเสด็จ เเละพร้อมใจชูสามนิ้ว และร้องเพลงชาติร่วมกัน
เมื่อวานนี้ 14 พ.ย. 2563 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จฯ ไปทรงเปิดโครงการรถไฟฟ้ามหานครสาย “เฉลิมรัชมงคล” (สายสีน้ำเงิน) ส่วนต่อขยาย ณ สถานีรถไฟฟ้าสนามไชย เขตพระนคร-สถานีรถไฟฟ้าหลักสอง เขตบางแค กรุงเทพฯ
และในขณะเดียวกัน ก็มีการชุมนุมที่บริเวณถนนราชดำเนินอนุสาวรีย์ประชาธิไตย ตั้งแต่บริเวณเเยกคอกวัว ยาวไปถึงสะพานผ่านฟ้าลีลาศ มีการจัดกิจกรรมการปราศรัยสลับการแสดงดนตรี โดยเมื่อเวลา 17.30 น.ขบวนเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เคลื่อนผ่าน เพื่อเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน สถานีสนาไชยเขต เมื่อผ่านถึงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ทำให้ผู้ชุมนุมลุกขึ้นพร้อมกัน แล้วหันหลังให้ขบวนเสด็จ เเละพร้อมใจชูสามนิ้ว และร้องเพลงชาติร่วมกัน โดยสมเด็จพระราชินี โบกมือให้กับประชาชนฝั่งที่มารอรับเสด็จ ตลอดเส้นทางที่มีประชาชนมาเฝ้ารับเสด็จ
ล่าสุดทางด้าน นายไพศาล พืชมงคล อดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงกรณีขบวนเสด็จที่เคลื่อนผ่านกลุ่มผู้ชุมนุม โดยระบุข้อความว่า
ข้าพเจ้านี้พื้นเพเป็นคนบ้านนอก เป็นชาวลุ่มน้ำทะเลสาปสงขลา ถูกอบรมสั่งสอนมาว่าอย่าบังอาจเอาหูไปได้ยินเสียงฟ้า อย่าเอาตาไปชำเลืองดูฟ้า****
แต่ทว่าเช้าวันนี้เป็นวันพระ นั่งสมาธิอยู่ดีๆ ก็เหมือนมีเทวดามากระซิบว่า ให้ลองทายใจฟ้า ว่าไฉนขบวนเสด็จจึงผ่านไป ณ ที่ม็อบชุมนุมอยู่ที่ถนนราชดำเนิน!!!!
จึงขอพระราชทานอภัยโทษ***** ขออ่านใจฟ้า ให้อาณาประชาราษฎร์ได้รับทราบ ดังนี้!!
1) พระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นวีรกษัตริย์ ที่กล้าหาญมาตั้งแต่ทรงพระเยาว์ ทรงนำหน่วยทหารออกรบในแนวหน้าหลายครั้งหลายหน เป็นที่รู้กันดีทั่วกองทัพ
2) ย่อมแจ้งพระทัยเป็นอย่างดีว่า การที่ขบวนเสด็จจะผ่านม็อบนั้น มีความเสี่ยงที่จะถูกชนผู้หยาบช้า เปล่งวาจาให้เป็นที่ระคายเคือง หรืออาจถูกรุมล้อมขบวนเสด็จ แต่ก็มิทรงหวั่นไหว ทั้งที่ชาวม็อบบางราย ได้โพสเตือนไว้ก่อนว่า “รู้ว่ามีม็อบแล้วจะผ่านไปทำไม”
3) เพราะน้ำพระทัยอันเปี่ยมด้วยพระเมตตาคุณเป็นล้นพ้น จึงทรงพิสูจน์ให้ชาวม็อบได้เห็นว่า น้ำพระทัยแท้ ทรงรักพสกนิกรทุกหมู่เหล่าเสมอกัน ดังที่ทรงให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว BBC นั้น
จึงมิได้ทรงรังเกียจเดียจฉันท์ชาวม็อบเลยแม้แต่น้อย***
ในที่สุดก็ย่อมแจ้งแก่พระทัยว่า น้ำใจแท้ของชาวม็อบก็มิได้มาดร้าย หรือเกลียดชังพระองค์ ดังที่ถูกชักนำกันไว้ จึงไม่มีผู้ใดกระทำหยาบช้าให้ปรากฎ****
มิหน่ำเล่า ก็เห็นชัดว่ามีความละอายใจและยำเกรงพระบารมี จึงไม่กล้าหันหน้ามองขบวนเสด็จ ได้แต่เปล่งเสียงร้องเพลงชาติ
เป็นสัญญาณว่า”เราเป็นประชาชาติเดียวกัน” จึงเสียดายโอกาสที่ไม่ได้เห็นสมเด็จพระนางเจ้าฯทรงโบกพระหัตถ์ให้ด้วยพระพักตร์ยิ้มแย้มและเปี่ยมด้วยพระเมตตา****
เมื่อใจถึงใจกระจ่างใจฉะนี้แล้ว รอยแผลในใจ และความสกปรกในห้วงความคิดที่ถูกปลูกฝังกันมาย่อมมลายหายไปในไม่นาน และจะได้ร่วมกันร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีเหมือนที่เคยร้องกันมาตั้งแต่น้อยเป็นแน่!!!
โอ้ลมฝนบนฟ้ามาแล้ว ร่มโพธิ์แก้วจะพาพฤกษาสดใส ข้าวรพุทธเจ้าชาวไทย ยกกรไหว้แด่ไทยราชันย์
เราน้อมเกล้าเกศี ถวายภูมี และศิระกราน เทิดบังคมภูบาลเอาไว้เหนือฟ้า****