ไบเดนมั่นใจคว้าชัย?!? ขณะตลาดหุ้นยุโรปเด้งรับ ทำค่าเงินหยวนดีดตัวขึ้น หวังสงครามการค้าสหรัฐ-จีนคลาย

2113

ใครว่าจีนอยากให้ทรัมป์ชนะ เงินหยวนแข็งค่ารับความหวัง สหรัฐ-จีนปลอดสงครามการค้า หากไบเดนชนะเลือกตั้ง แต่ 2 รัฐที่เคยเลือกทรัมป์ วิสคอนซินและมิชิแกนทำไบเดนคว้าชัย อาจนับคะแนนใหม่เพราะมีข่าวทุจริตเลือกตั้ง ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปเด้งต้อนรับไบเดนทั้งๆที่ผลทางการยังไม่ออก และความวุ่นวายส่อเค้าเมื่อผู้สนับสนุนของทั้งสองพรรคมีเค้าไม่ยอมรับผลเลือกตั้ง สำหรับไทยเชียร์ไบเดนหวังสัมพันธ์การค้าดีขึ้น ถึงเวลานี้ต้องบอกว่า “บลูเวฟ”มาแรงจริงๆ

ค่าเงินหยวนดี๊ด๊าแนวโน้มไบเดนชนะ
เงินหยวนดีดตัวขึ้นในวันนี้ หลังมีสัญญาณบ่งชี้ว่า นายโจ ไบเดน ผู้ท้าชิงจากพรรคเดโมแครตมีโอกาสมากขึ้นที่จะได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งทำให้นักลงทุนคาดหวังว่า ข้อพิพาทด้านการค้าระหว่างจีนและสหรัฐจะคลี่คลายลง
ในการซื้อขายที่ตลาดสปอตออนชอร์วันนี้ เงินหยวนเปิดตลาดที่ระดับ 6.6400 หยวนต่อดอลลาร์ และดีดตัวขึ้นในช่วงเที่ยงวันแตะระดับ 6.6381 หยวนต่อดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 10 ก.ค. 2561
นักลงทุนส่วนใหญ่คาดว่า ชัยชนะของนายไบเดนจะเป็นผลดีต่อสกุลเงินหวน เนื่องจากมีแนวโน้มน้อยลงที่ไบเดนจะทำสงครามการค้ายืดเยื้อกับจีน โดยในช่วง 2 ปีที่ผ่านมานั้น ความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าได้สร้างแรงกดดันต่อสกุลเงินหวนของจีน

ทั้งนี้ นายไบเดนได้รับชัยชนะในรัฐมิชิแกน และวิสคอนซิน ซึ่งเคยเป็นรัฐที่ทรัมป์ได้รับชัยชนะในศึกเลือกตั้งปี 2559 ส่งผลให้นายไบเดนมีคะแนนคณะผู้เลือกตั้งสหรัฐหรือ Electoral Vote

ตลาดหลักทรัพย์โรปเชียร์ไบเดน
ดัชนี Stoxx Europe 600 พุ่งขึ้น 2.05% ปิดที่ 363.31 จุด ดัชนี CAC 40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,922.85 จุด เพิ่มขึ้น 117.25 จุด หรือ +2.44%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 12,324.22 จุด เพิ่มขึ้น 235.24 จุด หรือ +1.95% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5,883.26 จุด เพิ่มขึ้น 96.49 จุด หรือ +1.67%

ตลาดปรับตัวขึ้นขานรับการคาดการณ์ที่ว่า หากไบเดนชนะการเลือกตั้งจะทำให้ความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างยุโรปและสหรัฐดีขึ้น และจะมีการออกมาตรการกระตุ้นด้านการคลังมากขึ้นเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ

หุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์ และกลุ่มเทคโนโลยี พุ่งขึ้นขานรับผลการนับคะแนนคณะผู้เลือกตั้ง (Electoral Vote) ซึ่งบ่งชี้ว่าไบเดนมีคะแนนนำประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้นตามดัชนี Nasdaq ของสหรัฐ เนื่องจากมีโอกาสน้อยลงที่พรรคเดโมแครตจะชนะเสียงข้างมากในวุฒิสภาสหรัฐ ดังนั้นจึงทำให้มีความเป็นไปได้ลดลงที่จะมีการตรวจสอบมากขึ้นเพื่อต่อต้านการผูกขาดตลาด รวมถึงการเก็บภาษีกำไรจากการซื้อขายหุ้น

หุ้นซาโนฟีของฝรั่งเศส พุ่ง 6.31%, หุ้นแอสตร้าเซนเนก้าของอังกฤษ พุ่ง 6.88%, หุ้นซาแลนโดของเยอรมนี พุ่ง 4% และหุ้นมาร์ค แอนด์ สเปนเซอร์ของอังกฤษ พุ่ง 4.89%
แต่หุ้นกลุ่มธนาคาร, กลุ่มน้ำมันและก๊าซ และกลุ่มเหมืองแร่ ปรับตัวลงจากแรงขายทำกำไร หลังพุ่งขึ้นอย่างมากในสัปดาห์นี้จากความหวังเกี่ยวกับการกระตุ้นเศรษฐกิจมากขึ้น

เอกชนไทขานรับ “ไบเดน”เชื่อเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจไทย   
นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ภาคเอกชนติดตามการเลือกตั้งสหรัฐฯ ใกล้ชิด เพราะส่งผลต่อนโยบายการค้า และการลงทุนที่เปลี่ยนไป ซึ่งมีผลทั้งบวกและ ลบ

หาก นายโจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครต ชนะการเลือกตั้งประธานธิบดีสหรัฐฯ และ พรรคเดโมแครต สามารถครองเสียงข้างมากทั้งในสภาผู้แทนราษฎร และ วุฒิสภา อาจจะส่งผลให้นโยบายการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯ กับคู่ค้ามีแนวโน้มกลับมาผ่อนคลายมากขึ้น  ”ไบเดน มาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ การกีดกันทางการค้าก็จะลดลง และ ส่งผลดีต่อการค้า เราต้องตั้งรับเพื่อไม่ให้ตกกระบวน โดยเฉพาะการเข้าร่วมภาคี การค้า FTA แต่ถ้า ทรัมป์ เข้ามา ก็เหมือนเดิม ภาคเอกชนก็ต้องช่วยเหลือตัวเอง”นายกลินท์ กล่าว

นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ในฐานะประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ความผันผวนของตลาดเงิน ตลาดทุนโลก รวมถึงไทยที่เกิดขึ้นจากความไม่แน่นอนของการเลือกตั้งในสหรัฐฯ แม้มีกระแสว่า นายโจ ไบเดน มีคะแนนนำ แต่ความไม่แน่นอนในขณะนี้ยังมีความไม่ชัดเจนว่า ผู้ชนะ คือใคร และ กรณีที่มีคนชนะแล้วจะมีข้อคัดค้านหรือไม่

อย่างไรก็ตาม นโยบายของทั้ง 2 ฝ่าย แตกต่างกัน หาก ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้งนโยบายกีดกันการค้ากจะยังคงแข็งกร้าวต่อไป รวมถึงนโยบายที่จะผลักดันให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ เติบโตเร็วขึ้น ในขณะที่เศรษฐกิจ การค้าโลกจะโตชะลอลง แต่หาก โจ ไบเดน ได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ แนวนโยบายก็จะหันเข้าสู่ภาคีมากขึ้น และ โครงการ CPTPP ก็จะกลับมา โดยมีนโยบายการทำธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และ ความสัมพันธ์กับจีนจะดีขึ้น แต่จะอยู่ในกรอบที่จีนต้องเปิดกว้างทางค้าให้กับสหรัฐฯซึ่งก็จะทำให้เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวได้เร็ว ขึ้น แต่เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไป และ ยั่งยืนในระยะยาว