แผ่นดินไหว 7 ริกเตอร์ในทะเลอีเจียน เกิด‘มินิสึนามิ’ซัดขึ้นฝั่ง เขย่าตุรกี-กรีซเสียชีวิตไม่ต่ำ 22 รายจากทั้งสองประเทศ บาดเจ็บกว่า 800 คน แอร์โดอันประธานาธิบดีแห่งตุรกีและมิตโซทากิส นายกรัฐมนตรีกรีซยกโทรศัพท์ถึงกัน ทำคู่อริที่บาดหมางกันมานานแสดงไมตรีต่อกันเป็นครั้งแรกในรอบหลายสิบปี
ภัยธรรมชาติถี่-สัญญาณเตือนมนุษย์
อิสตันบูล, สำนักข่าวต่างประเทศเกือบทุกฉบับรายงานข่าวภัยพิบัติ “มินิสึนามิ” เกิดแผ่นดินไหวขนาดรุนแรงในทะเลอีเจียน ความลึก 16.54 กิโลเมตร จุดศูนย์กลางอยู่ห่างจากเขตเซเฟริฮิซาร์ 17.26 กิโลเมตร
นายเรเจป ไตยิป แอร์โดอัน ประธานาธิบดีของตุรกี เผยว่าเกิดเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ถล่มจังหวัดอิซเมียร์ทางตะวันตกของตุรกี ซึ่งคั่นระหว่างตุรกีกับกรีซเมื่อวันศุกร์ที่ 30 ต.ค.2563 ทำให้มีผู้เสียชีวิตไม่น้อยกว่า 22 ราย บาดเจ็บกว่า 800 คนในประเทศทั้งสอง ขณะที่อาคารเป็นสิบๆ หลัง พังทลาย แผ่นดินไหวทำให้เกิดคลื่นมินิสึนามิพุ่งซัดใส่เกาะซามอส ซึ่งเป็นดินแดนของกรีซในทะเลอีเจียน ขณะเดียวกัน น้ำทะเลยกสูงที่พัดเข้าชายฝั่ง ก็ทำให้ถนนสายต่างๆ กลายเป็นแม่น้ำไหลเชี่ยว ในเมืองเล็กๆเมืองหนึ่งทางชายฝั่งภาคตะวันตกของตุรกี
สำนักงานสำรวจทางธรณีวิทยาสหรัฐฯ (USGS) รายงานว่า ธรณีพิโรธครั้งนี้มีความรุนแรงระดับ 7.0 โดยจุดศูนย์กลางเหนือแผ่นดินไหวอยู่ในทะเลห่างประมาณ 14 กิโลเมตร จากเมืองคาร์โลวาซี บนเกาะซามอส ของกรีซ ขณะที่ความเสียหายจำนวนมากในตุรกีเกิดขึ้นภายในและรอบๆ เมืองอิซมีร์ ซึ่งเป็นเมืองรีสอร์ตริมทะเลอีเจียน ที่มีประชากรราว 3 ล้านคน และมีอาคารอพาร์ตเมนต์สูงๆ จำนวนมาก
ภาพที่ถ่ายจากจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับการพักผ่อนแห่งนี้ แสดงให้เห็นอาคารหลายหลังพังลงมา ขณะที่พวกผู้รอดชีวิตซึ่งยังอยู่ในอาการตกตะลึง พยายามพาตัวเองเดินผ่านซากปรักหักพังที่กองกันสูงตามท้องถนน
ตุนค์ โซเยอร์ นายกเทศมนตรีเมืองอิซมีร์ บอกกับโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็นเติร์ก ว่า มีอาคารพังลงมา 20 หลัง ขณะพวกเจ้าหน้าที่บอกว่าพวกเขากำลังโฟกัสความพยายามในการกู้ภัยของพวกเขาไปอยู่ที่ 17 หลังในจำนวนนี้
สำนักงานภัยพิบัติของตุรกีรายงานว่า พบผู้เสียชีวิตรวม 12 คน ขณะที่ผู้บาดเจ็บมีกว่า 400 คน ส่วนกรีซมีรายงานผู้เสียชีวิต 2 คนที่เกาะซามอส โดยเป็นวัยรุ่นซึ่งกำลังอยู่ในเส้นทางจากโรงเรียนกลับบ้าน และมีกำแพงเกิดถล่มลงมาทับใส่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเมืองอิซมีร์ นำเอาคนป่วยบางส่วนซึ่งร่างกายยังมีสายคาดรัดติดเตียงนอน และข้อมือถูกต่อเข้ากับสายน้ำเกลือ ออกมาที่ถนนเพื่อเป็นมาตรการป้องกันไว้ก่อน
อาลี เอร์บัส ซึ่งเป็นอธิบดีกิจการศาสนา แถลงว่า มัสยิดแห่งต่างๆ จะเปิดประตูให้พวกที่กลายเป็นคนไร้บ้าน เพราะภัยพิบัติเข้าพักอาศัย ภาพจำนวนมากจากสื่อสังคมออนไลน์แสดงให้เห็นน้ำกำลังไหลบ่าไปตามถนนสายต่างๆ ที่เมืองเล็กๆ แห่งหนึ่งใกล้ๆ อิซมีร์ โดยน่าจะเกิดจากน้ำทะเลยกสูงพัดขึ้นฝั่ง
ขณะที่หลายๆ ส่วนของเมืองอิซมีร์เอง ซึ่งอาคารหลายหลังพังครืนนั้น สามารถมองเห็นกลุ่มควันสีขาวหนาลอยขึ้นมา ภาพที่ถ่ายทางอากาศซึ่งนำออกเผยแพร่ทางโทรทัศน์เอ็นทีวี ของตุรกี แสดงให้เห็นว่ากลุ่มอาคารทั้งกลุ่มในหลายๆ บริเวณ กลายเป็นเศษปรักหักพัง พวกเจ้าหน้าที่กู้ภัย ซึ่งได้รับความช่วยเหลือจากชาวเมืองและสุนัขดมกลิ่น ใช้เลื่อยไฟฟ้าเป็นอุปกรณ์ในการขุดเจาะผ่านกองปรักหักพังเข้าไปยังอาคารสูง 7 ชั้นหลังหนึ่งซึ่งพังครืน
แผ่นดินไหวทางการทูต-สัญญาณบวกลดขัดแย้งภูมิภาค
กรีซและตุรกีตั้งอยู่ในภูมิภาคที่เสี่ยงต่อการเกิดแผ่นดินไหวมากเป็นอันดับต้นๆ ของโลก ขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศก็ไม่สู้ดีนัก แม้จะเป็นพันธมิตรในกลุ่มนาโตเหมือนกัน
อย่างไรก็ตาม ภัยพิบัติครั้งนี้ได้นำมาสู่ปรากฏการณ์ที่หลายคนเรียกว่า “แผ่นดินไหวการทูต (earthquake diplomacy)” หลังจากที่รัฐมนตรีต่างประเทศของทั้ง 2 ฝ่ายมีการต่อสายพูดคุยกัน ตามมาด้วยบทสนทนาระหว่าง มิตโซทาคิส และ แอร์โดอัน
สำนักงานประธานาธิบดีของตุรกีรายงานว่า คีเรียกอส มิตโซทากิส นายกรัฐมนตรีกรีซ และประธานาธิบดีตุรกีได้ต่อสายพูดคุยทางโทรศัพท์หลังเกิดแผ่นดินไหว ซึ่งส่งผลกระทบถึงกรีซด้วย “แอร์โดอันและมิตโซทากิสต่างแสดงความปรารถนาที่จะฟื้นฟูความเสียหายโดยเร็ว” สำนักงานประธานาธิบดีประกาศในแถลงการณ์เป็นลายลักษณ์อักษร
“ไม่ว่าเราจะแตกต่างกันแค่ไหน แต่นี่คือเวลาที่ประชาชนของเราต้องยืนหยัดร่วมกัน” ผู้นำกรีซทวีตข้อความ ซึ่ง แอร์โดอัน ก็ได้ทวีตตอบกลับว่า “ขอขอบคุณท่านนายกรัฐมนตรี การที่เพื่อนบ้านทั้งสองแสดงความเป็นหนึ่งเดียวกันในช่วงเวลาที่ยากลำบากคือสิ่งที่มีค่ามากกว่าหลายๆ อย่างในชีวิต”
กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แถลงว่ารู้สึก “มีกำลังใจ” ที่ได้เห็นความร่วมมือระหว่างกรีซและตุรกี ส่วนประธานาธิบดี เอมมานูแอล มาครง แห่งฝรั่งเศส ซึ่งเปิดศึกโต้คารมกับ แอร์โดอัน หลายครั้งในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ก็ประกาศว่าปารีสพร้อมที่จะยืนหยัดเคียงข้างทั้ง 2 ประเทศ
