จากที่ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี จรยุทธ์จังหวัดพิษณุโลก เปิดเวทีปราศรัยย่อย หลังการประชุมรับฟังความคิดเห็นไพรมารี่โหวต เขตเลือกตั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2566
ทั้งนี้โดยหัวหน้าพรรคไทยภักดี ระบุว่า การกลับมาพบประชาชนครั้งนี้มาในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ที่เข้าใจปัญหาความเดือดร้อน ภาระค่าครองชีพ และมีทางออกมา ที่จะผลักดันนโยบายค่าไฟ แก๊สหุงต้ม ปุ๋ยยูเรียราคาถูก เพื่อปลดหนี้เกษตรกรภายใน 3 ปี
นพ.วรงค์ กล่าวว่า ทางออกของเกษตรกรที่จะต้องปรับเปลี่ยน คือ การแบ่งพื้นที่ทำนามาปลูกพืชพลังงาน เนเปีย เพื่อผลิตไฟฟ้าขายครัวเรือน ราคาหน่วยละ 2.50 บาท ผลิตแก๊สหุงต้ม ถังละ 225 บาท ปุ๋ยยูเรียกระสอบละ 750 บาท
โดยรัฐบาลให้หลักประกันกำไรไร่ละ 10,000-14,000 ต่อไร่ต่อปี ซึ่งเบ็ดเสร็จแล้วจะนำไปสู่การปลดหนี้เกษตรกรภายใน 3 ปี
“ไม่มีพรรคไหนมีนโยบายทำให้ประชาชนอย่างยั่งยืนเท่ากับพรรคไทยภักดี พรรคอื่นใช้เงิน แล้ว 4 ปีค่อยมาหาพี่น้อง แต่สิ่งที่พรรคทำแตกต่างกัน” นพ.วรงค์กล่าว
นอกจากนี้ นพ.วรงค์ กล่าวอีกว่า ความตั้งเมื่อได้เข้าไปในสภา จะไปต่อสู้กับนายทุนผูกขาด จะเข้าไปปราบโกงเพื่อความอยู่ดีกินดีของประชาชน ถึงเวลาที่ประชาชน ต้องออกมาช่วยพรรคไทยภักดี วันเข้าคูหา ใช้หัวใจตัดสินใจเลยว่า จะช่วยหมอวรงค์เข้าไปสภา เพื่อผลักดันนโยบายให้บรรลุผลที่ต้องการ พลังต่อสู้ทุนผูกขาดไม่มีพลังไหนเท่ากับพลังประชาชน