“หมอวรงค์” จรยุทธ์สภากาแฟเมืองคอน ซัดทำโพลเลิก ม.112 เวที “เพื่อไทย – ก้าวไกล” หวังโยงผลเลือกตั้งล้มสถาบันหรือไม่?

2172

จากที่นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี จรยุทธ์ จังหวัดนครศรีธรรมราช ร่วมสนทนาสภากาแฟ “อย่าให้คนล้มเจ้าเหลิง” จัดโดยสถาบันทิศทางไทย ณ ร้านน้ำชาน้องน๊อต อ.เมืองจ.นครศรีธรรมราช วันที่ 25 มี.ค. 2566 นั้น

ทั้งนี้ นพ.วรงค์ กล่าวว่า  ในช่วง 2 ปีหลัง ขบวนการล้มล้างสถาบันเริ่มเคลื่อนไหวลำบากเพราะประชาชนตาสว่าง และเห็นว่า ขบวนการล้มล้างสถาบันมีการแทรกแซงจากต่างชาติ แต่ช่วงหลัง มีการปลุกระดมเรียกร้องยกเลิก ม.112 โดยเฉพาะ การเคลื่อนไหวของแบม-ตะวัน

ซึ่งล่าสุดทำโพลยกเลิก ม.112 ในเวทีปราศรัยของพรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทย ซึ่งมีข้อสังเกตว่า การเคลื่อนไหวที่เชื่อมโยงกับการหาเสียงเลือกตั้งขณะนี้ คาดหวัง จะเอาผลเลือกตั้งครั้งนี้ไปเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสถาบันหรือไม่ และเป็นการหารูปแบบใหม่มาเคลื่อนไหวเพื่อหลบหลีกข้อห้ามของ กกต.ซึ่งห้ามดึงสถาบันมาหาเสียงหรือไม่

นพ.วรงค์ กล่าวว่า ปัญหาของประเทศคือนักการเมืองโกงและทุนผูกขาด ไม่ใช่สถาบัน ตามที่กลุ่มล้มล้างสถาบันวิเคราะห์ และเชื่อว่า ประชาชนส่วนใหญ่ไม่ยินยอมและจะออกมาแสดงพลังแน่นอน

“เราต้องพาประชาชนก้าวข้ามเรื่องนี้ให้ได้ ไม่อย่างนั้นบ้านเมืองเกิดกลียุค วันนี้พรรคไทยภักดียังเดินหน้ารวบรวม 10,000 รายชื่อแก้ไข ม.112 เพิ่มความคุ้มครอง สถาบัน และวันหนึ่งเราจะมีตัวแทนของพรรคเข้าไปในสภา ดาหน้าสู้กับคนพวกนี้” นพ.วรงค์ระบุ

ด้านนายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม ประธานสถาบันทิศทางไทย กล่าวด้วยว่า เดิมเคยเป็นจัดตั้งคอมมิวนิสต์ เคยคิดล้มล้างสถาบัน และมองว่า การพ่ายแพ้ของพรรคคอมมิวนิสต์

เนื่องจากทหารกับสถาบันเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ซึ่งทิศทางของสถาบันคือ ไม่ยึดฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ดูแลประชาชนเป็นหลัก ตรงกันข้ามหากพรรคคอมมิวนิสต์ทำสำเร็จ เชื่อว่า ประเทศไทยจะเหมือนพม่า เขมร และลาว คือ ประชาชนเข่นฆ่ากันเอง

นอกจากนี้ นายสนธิญาณ ยังกล่าวอีกว่า ประกอบอาชีพเป็นสื่อมวลชนมา 40 ปีเห็นความจริงว่า ทหารยึดอำนาจก็ทำเพื่อประโยชน์ตัวเอง นักการเมืองมีอำนาจก็ทุจริต โดยเฉพาะในยุคทักษิณ

“เมื่อหมดยุคทักษิณก็เกิดพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งรับอิทธิพลความคิดมาจากสหรัฐอเมริกา ที่ต้องการแทรกแซงประเทศไทย เพราะเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สหรัฐฯ ต้องการใช้เพื่อดุลอำนาจกับจีนซึ่งมีความสัมพันธ์ที่ดีกับสถาบัน ดังนั้นจึงสหรัฐฯจึงต้องการให้เกิดความปั่นป่วนในประเทศไทย”