จากเมื่อวันที่ 15 ต.ค.63 ทางด้านของรัฐบาลได้มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ในเขตท้องที่กรุงเทพมหานคร แต่เมื่อช่วงเวลาประมาณ 15.00 น. ก็ยังมีกลุ่มผู้ชุมนุม ฝ่าฝืนการประกาศ รวมตัวกันที่ราชประสงค์
ซึ่งทางด้านของเจ้าหน้าที่ก็ได้แจ้งเตือนชัดเจนว่า ทุกคนที่เข้าร่วมชุมนุม มีความผิดตามกฎหมายทุกคน ฐานฝ่าฝืน พรก.ฉุกเฉิน ซึ่งหนึ่งคนที่ปรากฎอยู่ก็คือ ช่อ-พรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า
ด้านนายบุญเกื้อ ปุสสเทโว กรรมการโฆษกกลุ่มไทยภักดี ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊คส่วนตัว ว่าเตรียมนำหลักฐานเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับ “พรรณิการ์ วานิช” ในความผิดฐาน ฝ่าฝืนพรก.ฉุกเฉิน โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
“ช่วงนี้มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ ช่อ พรรณิการ์ก็รู้ดี..แต่เธอก็ยังบังอาจไปเข้าร่วมชุมนุม..ผมมีหลักฐาน..ผมจะไปแจ้งความดำเนินคดีเธอเอง”
ล่าสุดวันนี้(16 ต.ค.63) เวลาประมาณ 14.30 น. มีตำรวจจาก สน.มักกะสัน เดินทางมาที่ สำนักงานคณะก้าวหน้า ซึ่งอยู่ภายในอาคารไทยซัมมิท ชั้น 5 โดยมีแกนนำอย่างช่อ พรรณิการ์ รวมทั้งนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ที่นัดแถลงข่าวในวันนี้นั้น
ขณะที่ ช่อ น.ส.พรรณิการ์ วานิช แกนนำคณะก้าวหน้า พยายามรับหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจ บริเวณทางเข้าประตู และกันไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้าสู่บริเวณ แถลงของนายปิยบุตร โดยชี้แจงว่า ยังไม่ทราบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจมาด้วยสาเหตุ หรือมีเรื่องอะไร
นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้แจ้งว่า ที่เข้ามาเพื่อต้องการตรวจสอบความเรียบร้อย และยังไม่มีการแจ้งความผิดในข้อใดทั้งสิ้น ซึ่งการจัดแถลงข่าว “ข้อเสนอต่อสังคมไทย กรณีประกาศใช้สถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง และการดำเนินคดีต่อผู้ชุมนุมกรณีขบวนเสด็จ” ในขณะเวลานี้เป็นช่วงที่ได้ประกาศ พรก.ฉุกเฉินรุนแรง ซึ่งห้ามรวมตัวชุมนุมกันมากกว่า 5 คน
อย่างไรก็ตามได้เป็นที่สังเกตว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้พบเจอกับช่อ พรรณิการ์ บุคคล ที่นายบุญเกื้อ ระบุว่ามีความผิดตามพรก.ฉุกเฉินฯจากการที่ไปเข้าร่วมชุมนุมที่แยกราชประสงค์ ซึ่งเมื่อเจอตัวแล้ว ก็เกิดคำถามว่า ทำไมทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ดำเนินการจับกุมช่อ พรรณิการ์
