เอาแล่วไง! หัวหน้าธนาคารใหญ่เยอรมนีโวยวาย ผู้นำประเทศว่าเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดของยุโรปกำลังเผชิญกับคลื่นของการล้มละลาย เพราะการคว่ำบาตรรัสเซียอย่างรุนแรงส่งคลื่นกระแทกทางการเงินกับเยอรมนีอย่างสาหัส ขณะที่สภาวะของยุโรปโดยรวมก็ส่งสัญญาณชัดถึง แรงกดดันเงินเฟ้อ วิกฤตพลังงาน และซัพพลายเชน ส่งผลความแตกแยกในหมู่สมาชิกสหภาพยุโรปที่ถกเถียงกันเรื่องคว่ำบาตรรัสเซียส่งผลร้ายเข้าตัวไม่จบสิ้น
วันที่ 10 พ.ค.2565 สำนักข่าวรัสเซียทูเดย์รายงานว่า แมนเฟรด นอฟ (Manfred Knof) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือซีอีโอของคอมเมิร์ซแบงก์ (Commerzbank) ธนาคารใหญ่อันดับ3 ของเยอรมนี เปิดเผยว่า เยอรมนีจะล้มละลายจากการคว่ำบาตรรัสเซียที่เกี่ยวข้องกับยูเครนอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
นอฟให้สัมภาษณ์กับสื่อเยอมัน แฮนเดิลแบลตต์(Handelsblatt)ว่า “อุปทานพลังงานในเยอรมนีตกอยู่ในความเสี่ยง ห่วงโซ่อุปทานกำลังพังทลาย เรามีอัตราเงินเฟ้อสูงขึ้นโดยยังไม่อาจควบคุมได้”
ผู้บริหารธนาคารใหญ่กล่าวว่า เกือบหนึ่งในสามของการค้าต่างประเทศของเยอรมนีได้รับผล กระทบหนัก ทำให้บริษัทต่างๆ ต้องจัดการกับปัญหาที่ซับซ้อนกับลูกค้า ซึ่งรวมถึงราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่พุ่งสูงขึ้นและปัญหาคอขวดของห่วงโซ่อุปทานที่ยังแก้ไขไม่ตก
เขากล่าวเสริมว่า “เราไม่ควรหลอกตัวเอง เพราะ จำนวนการล้มละลายของบริษัทในตลาดของเราอาจเพิ่มขึ้นและกระทบกับข้อกำหนดความเสี่ยงของธนาคารด้วย”
เมื่อวันศุกร์ต้นเดือนที่ผ่านมา โจเซป บอร์เรลล์ นักการทูตระดับสูงของสหภาพยุโรป กล่าวว่ารัฐมนตรีต่างประเทศของกลุ่มจะประชุมกันในสัปดาห์หน้า หากประเทศสมาชิกล้มเหลวในการบรรลุข้อตกลงภายในสุดสัปดาห์นี้ในการห้ามน้ำมันของรัสเซียอย่างสมบูรณ์ ซึ่งผลการประชุมตอนสุดสัปดาห์ต้องล่ม เพราะเสียงแตกในหมู่สมาชิก บางประเทศได้รับการผ่อนปรนบางประเทศไม่ได้ และประเทศที่ไม่มีทางออกทางทะเลค้านสุดลิ่ม เพราะเท่ากับถล่มนิวเคลียร์เศรษฐกิจใส่ประเทศนั้นๆโดยไม่มีใครรับผิดชอบ
บรัสเซลส์เปิดเผยแผนการคว่ำบาตรน้ำมันของรัสเซียเมื่อต้นสัปดาห์นี้ มาตรการนี้คาดว่าจะมีผลบังคับใช้ภายในเก้าเดือน โดยมีกรอบเวลาแตกต่างกันไปสำหรับผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมต่างๆ หลายประเทศในสหภาพยุโรปรวมถึงฮังการี สโลวาเกีย และสาธารณรัฐเช็กคัดค้านหัวชนฝา
รายงานเมื่อสัปดาห์ก่อน กล่าวว่าบรัสเซลส์วางแผนที่จะกำหนดเป้าหมายไปถึง บริษัทประกันเพื่อบ่อนทำลายความสามารถของมอสโกว์ในการขนส่งน้ำมันที่ใดก็ได้ในโลก
ตามรายงานของเจ้าหน้าที่และร่างเอกสารที่เปิดเผย สหภาพยุโรปกำลังเสนอห้ามเรือและบริษัทในยุโรปไม่ให้ให้บริการ รวมถึงการประกันภัย ซึ่งเชื่อมโยงกับการขนส่งน้ำมันและผลิตภัณฑ์ของรัสเซียทั่วโลก หากไม่มีการประกันนี้ รัสเซียและลูกค้าจะต้องค้นหาทางเลือกอื่นสำหรับความเสี่ยง ซึ่งรวมถึงน้ำมันรั่วและอุบัติเหตุในทะเล เพื่อสร้างความยากลำบากในการค้าขายของรัสเซีย
ในขณะเดียวกันสำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่าธนาคารต่าง ๆ ในยุโรปเริ่มพยายามลดระดับสภาพคล่องที่ปล่อยออกมาในเศรษฐกิจ เนื่องจากจำเป็นต้องควบคุมเงินเฟ้ออย่างเร่งด่วน รวมถึงยังมีแนวโน้มที่เงินเฟ้อและปัญหาทางด้าน Supply Chain หยุดชะงักจะส่งผลต่อเศรษฐกิจยุโรปให้ย่ำแย่ลงไปอีก
ทางด้านศูนย์วิจัยเศรษฐกิจยุโรป (ZEW) เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของเยอรมนีปรับตัวลงสู่ระดับ -41.0 จุดในเดือนเม.ย. จากระดับ -39.3 จุดในเดือนมี.ค.ปีนี้
นายอาคิม แวมบาค ประธานสถาบัน ZEW กล่าวว่า “ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจยังคงอยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากผู้เชี่ยวชาญยังคงมีมุมมองที่เป็นลบต่อสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน และคาดว่าเศรษฐกิจจะถดถอยลงได้อีก”
แวมบาคกล่าวว่า “กระแสคาดการณ์ที่ว่าเงินเฟ้อจะลดลงนั้นได้ช่วยหนุนให้เกิดความหวังว่า เศรษฐกิจอาจจะกระเตื้องขึ้น แต่ถึงเช่นนั้น แนวโน้มภาวะเศรษฐกิจชะงักงันและเงินเฟ้อที่สูงขึ้นในช่วง 6 เดือนข้างหน้ายังไม่มีแนวโน้มลดลง”
สถานการณ์ทางเศรษฐกิจของเยอรมนีสาหัส งอมพะรามเพราะทำตัวเองโดยแท้ แม้ว่าจะต้องเผชิญกระแสคลื่นล้มละลายขนาดนี้ ผู้นำเยอรมนียังคงยืนยันจะเดินหน้าคว่ำบาตรรัสเซียให้หนักตามวาระวอชิงตันต่อไป โดยไม่สนใจว่าประชาชนจะต้องรับผลจากการตัดสินใจผิดพลาดครั้งใหญ่ ดึงลากประเทศเข้าสู่สงครามเศรษฐกิจกับรัสเซีย และกำลังถลำเข้าสู่สงครามเชิงพื้นที่อย่างยากที่จะหลีกเลี่ยง?!
