“วาลี” มือสไนเปอร์อันดับหนึ่งของโลก เผ่นหนีออกจากยูเครน พร้อมแฉหมดเปลือก ผ่านสื่อใหญ่

3979

อยู่ต่อไม่ไหวแล้ว!? “วาลี” มือสไนเปอร์อันดับหนึ่งของโลก เผ่นหนีออกจากยูเครน พร้อมแฉหมดเปลือก ผ่านสื่อใหญ่ฝรั่งเศส!?

สืบเนื่องจากกรณีที่ได้มีการรายงานไปทั่วโลกว่า “วาลี” สไนเปอร์ระดับโลก ได้เสียชีวิตแล้ว หลังเข้าร่วมรบกับกองกำลังยูเครน เพื่อต่อต้านการบุกจากรัสเซีย แต่หลายๆคนต่างมองว่าเป็นเพียงแค่ข่าวลือ

โดยล่าสุดทางด้านของ วาลี ได้ออกมาเคลื่อนไหวแล้ว กับสื่อชื่อดังของฝรั่งเศส โดยทางด้านของ ผู้ใช้เฟสบุ๊กชื่อ Yuttana Phattanapredee แปลข่าวดังกล่าวโดนอ้างอิงจาก สำนักข่าว lapresse โดยมีรายละเอียดว่า

ไม่ใช่ข่าวลือ! “วาลี” มือสไนเปอร์อันดับหนึ่งของโลกเผ่นออกจากยูเครนแล้ว! แฉแหลกผ่านสื่อฝรั่งเศส เผยทหารเกณฑ์ยูเครนไร้ประสบการณ์รบ

ชี้ ผบ.สั่งการล้มเหลวและไม่รับผิดชอบแถมยักยอกเงินค่าจ้าง ลั่นแม้แต่อาหารก็ต้องหาเอง เผยโชคดีที่ชาวบ้านช่วยเหลืออาหารและนํ้ามันบางส่วน

ยอมรับในสงครามยูเครน-รัสเซียได้ยิงปืนจริงแค่ 2 นัดเท่านั้นโดยยิงเข้าที่หน้าต่าง เปรยเป็นการยิงขู่ไม่ได้ฆ่าใคร ชี้ยูเครนสูญเสียทหารในแนวหน้า เชลยศึกและอาวุธยุทโธปกรณ์จำนวนมากให้กับรัสเซีย

ล่าสุดสื่อ La Presse ของฝรั่งเศสรายงานว่า เป็นระยะเวลา 2 เดือนหลังจากการตอบสนองต่อการเรียกร้องของประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน นักแม่นปืนวาลี “Wali” ได้เดินทางออกจากยูเครน และกลับมาที่รัฐควิเบกของแคนาดา โดยไม่ได้รับบาดเจ็บ แม้ว่าเขาเกือบจะเสียชีวิตที่นั่นหลายครั้ง

แต่ทหารรับจ้างต่างชาติส่วนใหญ่ ที่ได้ร่วมกับกองทัพยูเครนแบบเขากลับจากไปอย่างผิดหวังอย่างขมขื่น ถูกห้อมล้อมด้วยหมอกแห่งสงครามโดยที่ไม่เคยได้ขึ้นเป็นแนวหน้าเลยสักครั้ง

“ผมโชคดีที่ยังมีชีวิตอยู่ มันเข้ามาใกล้จริงๆ” วาลี อดีตสังกัดกรมทหารราบที่ 22 แห่งกองทัพแคนาดา (Royal 22nd Regiment) กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับสื่อ La Presse ของฝรั่งเศสในบ้านของเขาในเมืองมอนทรีออลในรัฐควิเบกของแคนาดา

ภารกิจสุดท้ายของเขาในภูมิภาคดอนบาส ในหน่วยยูเครนที่สนับสนุนทหารเกณฑ์ ค่อนข้างเร่งรัดการกลับมาของเขา ในช่วงเช้าตรู่ เมื่อเขาเพิ่งเข้ารับตำแหน่งใกล้สนามเพลาะที่โดนโจมตีจากรถถังของฝ่ายรัสเซีย ทหารเกณฑ์สองคนออกมาจากผ้าห่มเพื่อสูบบุหรี่

“ผมบอกพวกเขาว่าอย่าเปิดเผยตำแหน่งแบบนี้ แต่พวกเขาก็ไม่ฟังผม”

วาลีกล่าว กระสุนที่ “แม่นยำสูง” จากรถถังของฝ่ายรัสเซียก็ปะทุขึ้นข้างๆ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตำแหน่งที่ผมอยู่ “มันระเบิดอย่างรุนแรง ผมเห็นเศษกระสุนผ่านไปเหมือนเลเซอร์ ร่างกายของผมเกร็งขึ้น ผมไม่ได้ยินอะไรเลย หูผมดับไปชั่วขณะ และรู้สึกปวดหัวทันที กระสุนรถถังของรัสเซียมันมีความรุนแรงจริงๆ”

ผมเข้าใจทันทีว่า ไม่มีอะไรต้องทำเพื่อทหารเกณฑ์ชาวยูเครนสองคนที่อยู่ในอ้อมแขนของผม ขณะถูกโจมตีอย่างหนัก “มันมีกลิ่นของความตาย มันยากที่จะอธิบาย มันเป็นกลิ่นที่น่าขยะแขยงของเนื้อไหม้เกรียม กลิ่นกำมะถันและสารเคมี กลิ่นนั้น”

“สงครามและกองทัพรัสเซียนั้นเป็นเครื่องจักรสงคราม กองทัพยูเครนสูญเสียทหารในแนวหน้า เชลยศึกและอาวุธยุทโธปกรณ์เป็นจำนวนมากให้กับกองทัพรัสเซีย”

หลังจากใช้เวลาสองเดือนในยูเครน วาลีได้รับการประเมิน “ค่อนข้างน่าผิดหวัง” ในการส่งกองกำลังอาสาสมัครชาวตะวันตก ซึ่งเริ่มขึ้นเมื่อต้นเดือนมีนาคม หลังจากได้รับโทรศัพท์จากประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี จำนวนอาสาสมัครที่ปรากฏตัวมากกว่า 20,000 ตามการประมาณการที่แตกต่างกัน

มีขนาดใหญ่มากจนรัฐบาลยูเครนต้องจัดตั้งกองพันระหว่างประเทศเพื่อการป้องกันดินแดนของประเทศยูเครนอย่างเร่งด่วนในวันที่ 6 มีนาคม แต่สำหรับอาสาสมัครส่วนใหญ่ที่ปรากฏตัวที่ชายแดน การเข้าร่วมหน่วยทหารเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก

“เซเลนสกี พยายามดึงดูดทุกคน แต่ในสนามรบ ผู้บัญชาการระดับสูงในแนวหน้าพื้นสู้รบออกคำสั่งสุดมั่วและไม่รับผิดชอบ พวกเขาไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกับเรา พวกเขาสั่งการและจัดระเบียบในหน่วยรบอย่างล้มเหลว ทำให้ทหารรับจ้างหลายคนต้องละทิ้งหน้าที่ไป

รัฐบาลและกองทัพของยูเครนมีระบบบริหารจัดการที่ห่วยแตก เจ้าหน้าที่ระดับสูงของยูเครนพยายามยักยอกเงินค่าจ้างของพวกเขา แม้แต่อาหารพวกเราก็ต้องหาเอง แต่ก็ยังโชคดีที่ชาวบ้านมอบให้อาหารและน้ำมันเบนซินบางส่วนสำหรับเติมยานพาหนะ” วาลีกล่าวเสริม

วาลีกล่าวอีกว่า ในตอนแรกเขาและอดีตทหารแคนาดาอีกหลายคนชอบที่จะเข้าร่วม Norman Brigade ซึ่งเป็นหน่วยอาสาสมัครส่วนตัวที่ประจำอยู่ในยูเครนเป็นเวลาหลายเดือน นำโดยอดีตทหารควิเบกซึ่งมีชื่อเรียกว่า Hrulf ความขัดแย้งเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วท่ามกลางกลุ่มทหารประจำการและทหารรับจ้างจำนวนมากละทิ้งกองพลนอร์มัน

ทหารคนที่สาม ขอไม่เปิดเผยชื่อซึ่งได้กล่าวไว้กับ La Presse ว่าสัญญาเกี่ยวกับอาวุธและอุปกรณ์ป้องกันที่จัดส่งมอบโดยผู้บัญชาการกองพลนอร์มันซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นจริง

อาสาสมัครบางคนพบว่าตัวเองอยู่ห่างจากแนวรบรัสเซียประมาณ 40 กิโลเมตรโดยไม่มีอุปกรณ์ป้องกันใดๆ “หากมีความก้าวหน้าของรัสเซีย ทุกคนคงตกอยู่ในความเสี่ยง มันเป็นทัศนคติที่ขาดความรับผิดชอบในส่วนของ Brigade” อดีตทหารคนหนึ่งกล่าวซึ่งขอให้ปิดชื่อของเขาด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย

ผู้บัญชาการกองพลนอร์มัน ซึ่งขอให้พวกเราระงับการใช้ชื่อจริง ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย ยืนยันว่าเขาถูกทิ้งโดยทหารรับจ้างประมาณ 60 คนตั้งแต่เริ่มการสู้รบ พวกเขาหลายคนต้องการลงนามในสัญญาที่จะให้สถานะแก่พวกเขาภายใต้อนุสัญญาเจนีวา

เฉกเช่นเดียวกับการรับประกันว่าพวกเขาจะได้รับการปฏิบัติจากรัฐบาลยูเครนในกรณีที่ได้รับบาดเจ็บ Hrulf อ้างว่าบางคนถึงกับ “วางแผน” เพื่อขโมยอาวุธจำนวน 500,000 เหรียญที่ส่งมาจากรัฐบาลอเมริกันเพื่อสร้างหน่วยรบเป็นของตนเอง

“มีพวกที่รีบไปด้านหน้าโดยไม่ได้ผ่านการตรวจสอบความปลอดภัยแม้แต่น้อย กองทัพยูเครนทดสอบเรา และตอนนั้นที่เราเริ่มได้รับภารกิจเพิ่ม มีองค์ประกอบของความไว้วางใจที่ต้องสร้างขึ้น และนั่นถือเป็นเรื่องปกติ” Hrulf กล่าว

วาลีระบุว่า ตัวเขาเองบอกว่าเขายิงกระสุนเพียงสองนัดเข้าไปในหน้าต่าง “เพื่อหวังแค่ข่มขู่ทหารรัสเซียเท่านั้น” อันที่จริงทหารยูเครนเป็น “ผู้กล้าหาญอย่างยิ่ง” ประสบความสูญเสียอย่างหนักจากถูกยิงด้วยกระสุน แต่ก็ “พลาดโอกาสมากมาย” ในการทำให้ฝ่ายรัสเซียอ่อนแอลง เพราะพวกเขา (ทหารยูเครน) ขาดประสบการณ์รบและความรู้ด้านเทคนิคเกี่ยวกับทหาร

เขาสรุป “หากทหารยูเครนมีประสบการณ์เหมือนเราในอัฟกานิสถานในการสื่อสารกับปืนใหญ่ เราอาจจะสังหารหมู่ (ทหารรัสเซีย) ได้ เขาเชื่ออย่างนี้

“ทหารรับจ้างหลายคนคาดหวังว่ามันจะเป็นเรื่องสำคัญ แต่สงครามกลับตรงกันข้าม มันเป็นความผิดหวังอย่างยิ่ง” วาลีสรุปในส่วนของเขา

อย่างไรก็ตาม ทหารรับจ้างส่วนใหญ่ตัดสินใจกลับบ้าน มีคนหลายคนให้สัมภาษณ์สำหรับบทความนี้ “หลายคนมาถึงยูเครนด้วยหน้าอกที่โปน แต่พวกเขาต้องกลับทิ้งหางไว้หว่างขา” วาลีกล่าวทิ้งท้าย