นาโต้เศร้า! “ทหารรัสเซีย” ช่วยตัวประกันพ้นห้องใต้ดิน! แต่บุคคลสำคัญ NATO ยังไม่รอดออกมาแม้คนเดียว

1980

นาโต้เศร้า! “ทหารรัสเซีย” ช่วยตัวประกันพ้นห้องใต้ดิน! แต่บุคคลสำคัญ NATO ยังไม่รอดออกมาแม้คนเดียว

จากกรณีที่ ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน เผยว่า การอพยพพลเรือนที่อยู่ภายในโรงงานเหล็กอาซอฟสตัล ภายใต้การนำของสหประชาชาติและกาชาดสากล กระทำได้เพียงกว่า 100 คน ก็ต้องถูกระงับลงหลังจากทหารรัสเซียได้เปิดฉากโจมตีเมืองมาริอูโปลอีกระลอกเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ประเมินกันว่า ยังคงเหลือพลเรือนตกค้างอยู่ภายในโรงงานเหล็กอาซอฟสตัลอีกหลายร้อยคน

ในขณะที่ บุคคลสำคัญของ NATO พร้อมทหารรับจ้างสหรัฐ อังกฤษ มอร็อคโก และชาติอื่นๆ ที่ถูกจับไปก่อนหน้า และที่ยังเหลือหลบอยู่ในห้องใต้ดินใต้โรงงานเหล็กอาชอฟสตาลจำนวนมากรวมนักรบยูเครน 2,000 คน

ล่าสุดทางเพจ World Update ได้ดพสต์ข้อความถึงสถานการณ์ล่าสุดที่โรงงานเหล็ก โดยกองทัพรัสเซีย สามารถช่วยเหลือตัวประกันที่เพิ่มมากขึ้น แต่บุคคลสำคัญของนาโต้ ก็ยังติดอยู่ไม่สามารถออกมาได้ โดยอ้างอิงจาก สื่ออิสระสาธารณรัฐโดเนตสก์ รัสเซีย ระบุว่า

ด้วยประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งสหพันธรัฐรัสเซียนั้น ในอดีตเขาทำงานครั้งแรกกับหน่วยข่าวกรองสหภาพโซเวียติหน่วย KGB แผนกข่าวกรองระหว่างประเทศ เคยถูกส่งไปประจำที่เยอรมนีตะวันออก เมื่อสหภาพโซเวียติล่มสลาย เขาจึงกลับมาปฏิบัติงานต่อที่รัสเซีย และทำงานกับรัฐบาลกลางในตำแหน่งหัวหน้าหน่วยข่าวกรองรัสเซีย FSB ตลอดชีวิตของเขามีหลักสำคัญคือ “ไม่ต่อรอง” กับผู้ก่อการร้ายที่จับตัวประกัน และเขาจะใช้ความโหดที่สุดกับพวกนี้
การช่วยตัวประกันจากผู้ก่อการร้าย ในรูปแบบตะวันตกนั้น ถ้าตรวจพบว่ามีสไนเปอร์ยิงมาจากตึกไหน ก็จะให้หน่วยปฏิบัติการพิเศษบุกขึ้นไปที่ตึกนั้น คัดแยกประชาชนออก แล้วจึงจับหรือสังหารผู้ก่อการร้ายที่แฝงอยู่ ทำไปทีละตึก..แต่..ถ้าเป็นปูติน เขาจะเอาเครื่องบินไปถล่มตึกนั้นให้พินาศลงหมดทันที ในปี 2002 มีกลุ่มก่อการร้ายกบฎกว่า 40 คนเข้าจับผู้ชมในโรงละครในมอสโคว์กว่า 850 คนเป็นตัวประกัน เรียกร้องต่อรองให้รัสเซียถอนทหารออกจากเชชเนีย ปูตินสั่งรมแก๊สสลบเข้าไปในโรงละครแล้วส่งทหารหน่วยรบพิเศษ บุกไปสังหารผู้ก่อการร้ายเรียบ ส่วนตัวประกันรอด
ดังนั้นการที่ผู้ก่อการร้าย Azov NATO จับตัวประกันพลเรือนกักตัวไว้ในห้องใต้ดินบริเวณโรงงานเหล็กอาชอฟสตาล พื้นที่ 6,800 ไร่ ในเมืองท่ามาริอูปัล และต่อรองแลกตัวประกัน โดยขอให้ปล่อย “บุคคลสำคัญ” หนีไปประเทศที่ 3 และต่อรองแลกตัวประกัน 15 คน กับอาหารและยา 1 ตันนั้น จึงเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ แม้ว่าทางกองทัพรัสเซียจะบอกว่า หยุดยิง 3 วันเพื่อให้ปล่อยตัวประกันออกมาเสียแต่โดยดี แต่อีกทางหนึ่งรัสเซียได้ “รื้ออาคาร” โดยใช้แคปซูลปล่อยจากระยะไกลที่ “มีเสียงดังสนั่นอานุภาพรุนแรง” ทยอยไล่รื้ออาคารลงมาทีละหลังไล่ไปเรื่อยๆ
ล่าสุดวันที่ 6 พ.ค.65 กองทัพพันธมิตรรัสเซีย และหน่วยรบพิเศษ สามารถบุกช่วยตัวประกันพลเรือนออกมาจากห้องใต้ดินต่างๆ ที่กระจัดกระจายใต้โรงงานเหล็กฯ ชุดล่าสุด 50 คน เป็นเด็ก 11 คน ตามรายงานของสหประชาชาติ (UN) และกาชาดสากล มีผู้อพยพออกมาแล้วสะสมประมาณ 500 คน ตัวประกันถูกฝ่ายรัสเซียอารักขาไปขึ้นรถบัสนำออกไปยังหมู่บ้าน Bezymennoe ห่าง 30 กม.ตะวันออกชานเมืองมาริอูปัล ทุกคนทางกองทัพรัสเซีย จะตรวจสอบ พิมพ์ลายนิ้วมือ ถ่ายภาพ ค้นหาโทรศัพท์ สอบปากคำ ตรวจสอบหนังสือเดินทาง ทะเบียนในฐานข้อมูลข่าวกรองรัสเซียว่าแท้จริงเป็นใคร
จากนั้นจะจำแนกให้เลือกว่าจะเดินทางต่อไปอยู่อาศัยในพื้นที่ยูเครน ที่กำลังโดนถล่มไปทั่วประเทศ หรือจะอยู่อาศัยในเขตรัสเซีย โดยพลเรือนส่วนใหญ่ที่ออกมาแล้วระบุว่า “ครอบครัวของเขาตัดสินใจเป็นเอกฉันท์ไม่อยากไปอยู่ยูเครน” พร้อมให้เหตุผลว่าพวกผู้ก่อการร้าย Azov ไม่ยอมให้พวกเขาออกมาจากโรงงานเหล็ก และขู่ว่า “ใครฝ่าฝืนจะถูกจัดการ..หากพวกเขาไม่รอดจากที่นั่น ตัวประกันก็จะไม่รอดด้วย” และพวก Azov หวังว่าจะมีการแลกเปลี่ยนตัวประกันเพื่อใครสักคน
พลโท รามซาน คารีดอฟ ผู้นำสาธารณรัฐเชชเนีย หัวหน้านักรบเชเชน ที่ส่งมารบในเมืองท่ามาริอูปัล เขาระบุว่า นักรบของเขาได้จับ”ปลาใหญ่ตะวันตก” ขณะกำลังพยายามหลบหนีออกจากโรงงานเหล็กอาชอฟสตาล และส่งตัวไปให้ “นักตกปลา วลาดิเมียร์ ปูติน” เพื่อเป็นมอบเป็นของกำนัลถึงมอสโคว์ เรียบร้อยแล้ว และยังมีปลาตะวันตกอีกจำนวนมากติดค้างอยู่ภายใน โดยจำนวนนี้มีปลาใหญ่มาก 4 ตัว มีความสำคัญระดับบิ๊กด้วย