ในช่วงสถานการณ์ดุเดือดของศึกรัสเซีย-ยูเครน แน่นอนว่าหลายประเทศถูกบีบให้เลือกข้าง แต่ก็เป็นที่น่าตั้งข้อสังเกตว่าทำไมอินเดีย กลับอยู่รอดปลอดภัย ตรงจุดที่ยังซื้อน้ำมันราคาถูกจากรัสเซีย โดยไม่ถูกสหรัฐอเมริกาเล่นงาน หรือพาลหาเรื่องใส่แบบที่จีนกำลังเผชิญอยู่
อินเดียถูกมองว่าเป็นชาติที่เนื้อหอม เพราะผู้นำหลายประเทศต่างไปเยือนอินเดีย เพื่อขอเจรจาพูดคุย และระหว่างที่ชาติอื่นแบนพลังงานจากรัสเซีย ทางอินเดียก็มีการนำเข้าน้ำมัน ก๊าซจากรัสเซียในจำนวนที่เพิ่มขึ้น ทำให้ชาติยุโรป ตะวันตก และสหรัฐ ได้แต่ยอมรับสภาพ ไม่กล้าจะบีบอินเดียไปมากกว่านี้ ด้วยเหตุผลที่ว่า หวังอาศัยอินเดีย ช่วยคานอำนาจรัสเซีย และจะดึงเข้าพวกให้ช่วยล้มรัสเซีย จีน ให้อ่อนแอลง
ล่าสุดดูเหมือนว่า อินเดียจะแข็งแกร่งและไม่ตามเกมสหรัฐ โดยมีรายงานว่านายกฯนเรนทรา โมดี ของอินเดีย เริ่มต้นการเยือนยุโรปเมื่อวันจันทร์ ที่ 2 พ.ค.ที่ผ่านมา เพื่อมีวัตถุประสงค์เรียกร้องให้ใช้การเจรจาเพื่อยุติสงครามในยูเครน แต่ยังคงหลีกเลี่ยงที่จะประณามการรุกรานของรัสเซีย แถมมีรายงานข่าวว่าปลายเดือนนี้ผู้ส่งออกแดนภารตะราว 50 รายยังเตรียมบินลัดฟ้าสู่มอสโกเพื่อดูลู่ทางการค้า หวังเข้าเสียบแทนตะวันตกที่ถอนตัวไปตามมาตรการแซงชั่นคว่ำบาตร
นายกรัฐมนตรีของอินเดีย ซึ่งพยายามเดินหมากการทูตรักษาสายสัมพันธ์กับทั้งฝ่ายตะวันตกและทางมอสโกอย่างระมัดระวัง กล่าวกับผู้สื่อข่าวหลังพบหารือกับนายกรัฐมนตรีโอลาฟ ชอลซ์ ของเยอรมนีในกรุงเบอร์ลินเมื่อวันจันทร์ว่า นับจากวิกฤตยูเครนเริ่มต้นขึ้น แดนภารตะก็ยืนยันเรื่อยมาว่า การหยุดยิงและการเจรจากันเป็นวิธีเดียวที่จะแก้ไขข้อพิพาท นอกจากผลกระทบด้านมนุษยธรรมแล้ว สงครามยูเครนยังเพิ่มความกดดันต่อราคาน้ำมันและอุปทานอาหารโลก ซึ่งทำให้ทุกครอบครัวทั่วโลกต้องแบกภาระหนักขึ้น
อย่างไรก็ดี ทางด้านนายกฯเยอรมัน กล่าวประณามแดนหมีขาวอย่างเปิดเผยว่า สงครามในยูเครนคุกคาม “ระเบียบโลกที่ยึดโยงอยู่กับกฎกติกา” โดยรัสเซียได้ทำลายหลักการพื้นฐานของกฎหมายระหว่างประเทศด้วยการโจมตียูเครน และสำทับว่า สงครามและการทำร้ายพลเรือนอย่างทารุณในยูเครนสะท้อนว่า รัสเซียกำลังละเมิดหลักการของกฎบัตรสหประชาชาติ พร้อมเรียกร้องให้ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ถอนทหารรัสเซียออกจากยูเครน
ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีเยอรมนียืนยันว่า ได้เชิญโมดีเป็นแขกพิเศษในการประชุมสุดยอดของกลุ่มจี 7 เดือนหน้า ซึ่งถูกมองว่า เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการขยายกลุ่มพันธมิตรต่อต้านรัสเซีย ขณะที่สื่อบลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวที่ไม่เปิดเผยชื่อ บอกว่า ก่อนหน้านี้ นายกฯเยอรมัน กังวลที่โมดีไม่ยอมประณามรัสเซีย ซ้ำอินเดียยังนำเข้าเชื้อเพลิงจฟอสซิลของรัสเซียเพิ่มขึ้น จึงยังไม่ตัดสินใจเรื่องการเชิญโมดี จนกระทั่งเมื่อไม่กี่สัปดาห์มานี้ นับจากเดือนมีนาคมอินเดียนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียเพิ่มขึ้นอย่างมาก และไม่พอใจที่ถูกวิจารณ์ โดยโต้แย้งว่า ยุโรปเองยังบริโภคสินค้าโภคภัณฑ์ของรัสเซียในปริมาณสูงมาก
ส่วนทางด้านหนังสือพิมพ์ไทมส์ออฟอินเดีย รายงานว่า ขณะที่รัสเซียถูกตะวันตกแซงชั่นคว่ำบาตรครั้งใหญ่ พวกผู้ส่งออกอาหาร เซรามิก และเคมีภัณฑ์อินเดียราว 50 ราย ก็เตรียมจะเดินทางไปยังมอสโกปลายเดือนนี้หลังจากได้รับการสอบถามจากทางบริษัทรัสเซีย การแซงชั่นการค้าและการเงินต่อรัสเซียเปิดโอกาสสำคัญสำหรับธุรกิจทุกภาคส่วนของอินเดีย ขณะที่บริษัทอินเดียเองตื่นเต้นอย่างมากในการเข้าถึงศักยภาพมหาศาลสำหรับการนำผลิตภัณฑ์ของอินเดียเข้าไปในรัสเซีย
อย่างไรก็ตามรายงานข่าวต่างประเทศยังอ้างอิงเจ้าหน้าที่ซึ่งไม่เปิดเผยนามที่ระบุว่า การจัดส่งสินค้าให้รัสเซียจะเริ่มดำเนินการได้ต่อเมื่อสงครามในยูเครนจบลงแล้วด้วย
