เกาหลีใต้กับสหรัฐฯ เตรียมฝึกซ้อมร่วมทางอากาศและทะเลต้นเดือนพฤษภาคมนี้ ขณะที่ก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน สหรัฐก็ยั่วจีนด้วยการส่งวีไอพีเยือนไต้หวันอย่างเป็นทางการ ทั้งยังประกาศอนุมัติขายอาวุธเพิ่ม และทำการซ้อมรบในทะเลฟิลิปปินส์เย้ย พร้อมแล่นเรือเข้าช่องแคบไต้หวันบ่อยๆเชิงท้าทาย ด้านจีนได้ดำเนินการซ้อมรบทางอากาศและทางทะเลเฉียดกันไปมาอย่างไม่หวั่นเกรงส่งสัญญาณถึงสหรัฐอย่างจริงจัง ทำญี่ปุ่น ไต้หวันโวยวาย สภาพการณ์เหล่านี้เท่ากับเร่งเร้าทางทหาร ที่สุ่มเสี่ยงปะทะทั้งอุบัติเหตุและเจตนา พาให้น่านน้ำเอเชีย-แปซิฟิกและทะเลจีนใต้กลับมาระอุเดือดอีกครั้ง
วันที่ 4 พ.ค.2565 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานความเคลื่อนไหวของจีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้และสหรัฐในเอเชียแปซิฟิกอย่างต่อเนื่อง
สำนักข่าวยอนฮับ(Yonhab)ของเกาหลีใต้และเซาท์ไชน่า มอร์นิงโพสต์รายงานเมื่อ 3 พ.ค.ที่ผ่านมา อ้างแหล่งข่าวจาก กห.เกาหลีใต้ว่า เกาหลีใต้กับสหรัฐฯ เตรียมฝึกซ้อมร่วมทางอากาศประจำปี เป็นระยะเวลา 2 สัปดาห์ระหว่าง 9-22 พ.ค.65 เพื่อฝึกตั้งรับทางทหารในการป้องกันประเทศ ซึ่งการฝึกซ้อมดังกล่าวจะมีขนาดเล็กกว่าการฝึกซ้อมรหัสแมกซ์ ทันเดอร์ (Max Thunder) ในอดีต ที่มีทหารเข้าร่วมและใช้ยุทโธปกรณ์จำนวนมาก ขณะเดียวกัน กองทัพเรือเกาหลีใต้กับสหรัฐฯ เริ่มฝึกซ้อมร่วมทางทะเลเพื่อฝึกตรวจจับและต่อต้านเรือดำน้ำ (Ship Anti-Submarine Warfare Readiness and Evaluation Measurement-SHAREM) ในทะเลตะวันออก ระหว่าง 3-6 พ.ค.65 โดยมีเรือพิฆาตยูเอสเอส แซมสัน( USS Sampson) ของสหรัฐฯ เข้าร่วมการฝึกครั้งนี้ ทั้งนี้ การฝึกซ้อมร่วมทางทะเลระหว่างเกาหลีใต้กับสหรัฐฯ จัดขึ้นทุก 2 ปีแต่ในช่วงที่ผ่านมา มีการฝึกซ้อมพิเศษที่ไม่แจ้งล่วงหน้าหลายครั้ง ก่อความไม่พอใจแก่เกาหลีเหนือ ตอบโต้ทางการทูตและทดสอบยิงขีปนาวุธบ่อยครั้ง
ในวันเดียวกัน เรือบรรทุกเครื่องบินจีน นำกลุ่มโจมตีขนาดใหญ่เข้าสู่น่านน้ำแปซิฟิกตะวันตก สร้างความตึงเครียดในพื้นที่ใกล้ไต้หวันเพิ่มสูงขึ้น ก่อนหน้านี้มีการฝึกกลุ่มจู่โจมของกองทัพเรือสหรัฐฯ ในทะเลฟิลิปปินส์ทำให้กองเรือรบทั้งสองลำอยู่ไม่ไกลกัน
เรือบรรทุกเครื่องบินของจีนเหลียวหนิง(Liaoning) ได้นำกลุ่มโจมตีที่ใหญ่กว่าปกติอีก 7 ลำ รวมทั้งสิ้นเป็น 9 ลำลาดตระเวนและฝึกซ้อมในทะเลแปซิฟิกตะวันตก
เรือพิฆาต 5 ลำ ทำการคุ้มกันเรือเหลียวหนิง รวมถึงเรือพิฆาตไทพ์ 005 (Type 055) ซึ่งเป็นเรือรบที่ทรงพลังที่สุดในกองทัพเรือจีน รวมทั้งเรือรบหนึ่งลำและเรือเสบียงหนึ่งลำ
กระทรวงกลาโหมของโตเกียวกล่าวว่า กองเรือรบจีนแล่นผ่านช่องแคบมิยาโกะระหว่างหมู่เกาะโอกินาว่าของญี่ปุ่นในบ่ายวันจันทร์เพื่อเข้าสู่แปซิฟิกตะวันตกก่อนจะมุ่งหน้าลงใต้ นับเป็นครั้งแรกที่เรือบรรทุกเครื่องบินของจีนได้รับการยืนยันว่าแล่นผ่านพื้นที่ดังกล่าว นับตั้งแต่เดือนธันวาคม พ.ศ. 2564
กระทรวงกลาโหมของโตเกียวระบุในข่าวเผยแพร่ว่า เรือเดินสมุทรจีน 8 ลำ รวมทั้งเรือบรรทุกเครื่องบินลำหนึ่ง แล่นผ่านระหว่างเกาะต่างๆ ใน เครือโอกินาว่าทางตอนใต้ของ ญี่ปุ่นเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา
กระทรวงกลาโหมของญี่ปุ่นได้ส่งเรือบรรทุกเครื่องบินอิซูโมขนาดเบา รวมทั้งเครื่องบินลาดตระเวนทางทะเล P-1 และเครื่องบินต่อต้านเรือดำน้ำ P-3C เพื่อตรวจสอบกิจกรรมของเรือจีน ถ้อยแถลงระบุ
ในขณะเดียวกัน เมื่อวันอังคาร โฆษกกองทัพไต้หวัน ซุน ลี่-ฟาง กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า กองทัพของไต้หวันเฝ้าติดตามการซ้อมรบทางทหารของจีนอย่างใกล้ชิดในน่านน้ำและน่านฟ้ารอบ ๆ ไต้หวัน และจะใช้ “มาตรการตอบโต้ที่เหมาะสม”
ด้านกองทัพเรือจีน ยืนยันว่ากลุ่มเรือบรรทุกเครื่องบินเหลียวหนิงได้เริ่มปฏิบัติภารกิจการฝึก “การต่อสู้ที่สมจริง” ในแปซิฟิกตะวันตก
กองทัพปลดแอกจีนฯ (PLAN)กล่าวว่าเป็นการฝึกซ้อมตามปกติในแผนงานประจำปีของกองทัพฯ และได้รับการออกแบบมาเพื่อปรับปรุงความสามารถของกลุ่มต่อสู้เรือบรรทุกเครื่องบินในการบรรลุภารกิจ การฝึกอบรมสอดคล้องกับกฎหมายและแนวปฏิบัติระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง ไม่ได้กำหนดเป้าหมายไปที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
ก่อนหน้าการฝึกซ้อมรบทางทะเลอย่างเป็นทางการ พันเอกอาวุโส ตัน เคเฟย(Tan Kefei) โฆษกกระทรวงกลาโหมของจีนกล่าวในงานแถลงข่าวประจำปักกิ่งวิจารณ์ข้อเสนอของกลาโหมญี่ปุ่นในการขอเพิ่มงบฯประมาณทางทหาร และระบุว่าจีนและรัสเซียเป็นเป้าหมายท้าทายด้านความมั่นคงเช่นเดียวกับเกาหลีเหนือ
โฆษกฯกลาโหมจีน ได้แถลงข่าวแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับรายงานเกี่ยวกับคำกล่าวของรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมของญี่ปุ่น ขอเพิ่มงบประมาณด้านกลาโหมปี 2023 ตามรายงาน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของญี่ปุ่นแนะนำว่า “ความสามารถในการโจมตีฐานทัพศัตรู” ควรนำมาพิจารณาเป็นงบประมาณทางทหาร นอกจากนี้ พรรคเสรีประชาธิปไตยของญี่ปุ่นเสนอว่าควรจัดจีนและรัสเซียให้เป็น “ความท้าทาย” ด้านความมั่นคงในระดับเดียวกับเกาหลีเหนือ ในแนวทางปฏิบัติของโครงการป้องกันประเทศฉบับใหม่ และควรส่งเสริมงบประมาณด้านกลาโหมของญี่ปุ่นต่อไป
พันเอกตันตอบโต้ว่าเพื่อแสวงหาสิ่งที่เรียกว่า “ความสามารถในการโจมตีฐานทัพศัตรู” เสริมความแข็งแกร่งทางทหารและเพิ่มค่าใช้จ่ายด้านการป้องกันประเทศ ญี่ปุ่นได้แก้ตัวทุกรูปแบบและแสดงความคิดเห็นที่ไม่รับผิดชอบ ความพยายามดังกล่าวในการทำลายนโยบายที่เน้นการป้องกันโดยเฉพาะเป็นตัวบ่งชี้ที่น่าตกใจว่าประชาคมระหว่างประเทศควรเฝ้าระวังและกังวลอย่างมาก
เพราะในอดีต กลุ่มทหารญี่ปุ่นได้เปิดสงครามรุกรานภายใต้ข้ออ้างของภัยคุกคามจากภายนอก นำความทุกข์ทรมานมาสู่ประชาชนชาวจีนและประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค ฝ่ายจีนเรียกร้องให้ญี่ปุ่นใช้ประวัติศาสตร์เป็นบทเรียน ยับยั้งคำพูดและการกระทำของตน และทำมากกว่านี้เพื่อรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาค
แค่ช่วงเวลา 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา การเคลื่อนไหวทางทหารและการทูตของสหรัฐและจีน เป็นไปอย่างตึงเครียด ทั้งกรณีไต้หวัน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ท่ามกลางสงครามดุเดือดในยูเครน สหรัฐยังคงเร่งเร้ากระตุ้นความขัดแย้งในยุโรปและลากดึงมายังเอเชียแปซิฟิกอย่างไม่ลดละ ขณะที่จีนเพิ่มความเข้มข้นทางทหาร ด้วยการซ้อมรบทางอากาศและทางทะเลถี่ขึ้น ประกบการซ้อมรับของสหรัฐในย่านนี้อย่างไม่มีใครยอมใคร ต้องจับตาอย่างใกล้ชิดต่อไปว่า จุดวาบไฟในย่านนี้จะปะทุขึ้นที่ใดเมื่อสหรัฐเพิ่มบทบาทในการหาพันธมิตรต่อต้านจีนอย่างเปิดเผยและจริงจัง!!