หลังจากที่ช่วงปลายเดือนเมษายน ที่ผ่านมา ทางการตุรกีได้ออกมาเปิดเผย ถึงบางชาติในพันธมิตรนาโต ที่ต้องการให้สงครามในยูเครนยืดเยื้อให้นานที่สุด เพื่อรัสเซียจะได้อ่อนแอลง ซึ่งระบุว่า “มีบางประเทศภายในนาโต้ต้องการให้สงครามนี้เดินหน้าต่อไป”
โดยทางเมฟลุต คาวูซูกลู รัฐมนตรีต่างประเทศตุรกีให้สัมภาษณ์กับซีเอ็นเอ็น เติร์ก “พวกเขาต้องการให้รัสเซียอ่อนแอลง” คาวูซูกลูกล่าว โดยไม่ได้เอ่ยชื่อประเทศไหน ๆ โดยตรง ความเห็นของรัฐมนตรีต่างประเทศตุรกี มีขึ้นในขณะที่การเจรจาระหว่างยูเครนกับรัสเซียดูเหมือนจะถึงทางตัน ตามหลังการพบปะหารือกันแบบเจอหน้าครั้งสุดท้ายในอิสตันบูลเมื่อเดือนที่แล้ว โดยเวลานี้ทั้งสองฝ่ายหันมาสานต่อการพูดคุยเจรจากันทางออนไลน์แทน
สอดคล้องกับคำพูดของ ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกวังเครมลิน ที่เปิดเผยในวันพุธ (20 เม.ย.) ว่ายูเครนกำลังถอนตัวจากสิ่งที่ตกลงกันได้แล้ว ตุรกี ชาติสมาชิกนาโต้ จัดหาโดรนประจัญบานให้แก่ยูเครน แต่อีกด้านหนึ่งพวกเขาก็ปลีกตัวออกห่าง ไม่คว่ำบาตรรัสเซียร่วมกับพันธมิตรตะวันตก และด้วยที่อังการา มีความสัมพันธ์อันดีกับทั้งเคียฟกับมอสโก พวกเขาจึงขอเป็นคนกลางยุติความขัดแย้ง และเสนอตัวเป็นเจ้าภาพการเจรจาสันติภาพระหว่างพวกผู้นำของยูเครนกับรัสเซีย
ทั้งนี้ตุรกีเป็นเจ้าภาพจัดการเจรจาโดยตรงระหว่างสองฝ่ายมาแล้ว 2 รอบ โดยในวันที่ 10 มีนาคม ระหว่างรัฐมนตรีต่างประเทศของยูเครนและรัสเซีย ที่เมืองอันตัลยา ทางภาคใต้ของประเทศ และเมื่อวันที่ 29 มีนาคม ระหว่างคณะผู้แทนเจรจาของทั้ง 2 ฝ่าย ในอิสตันบูล
ล่าสุดเซเลนสกี ผู้นำยูเครน ได้ให้สัมภาษณ์กับ ERT สถานีโทรทัศน์กรีซ ว่า ตุรกีกำลังแสดงออกถึงความ 2 มาตรฐาน เพราะว่าพวกเขาทำตัวในฐานะคนกลางสำคัญช่วยยุติปฏิบัติการรุกรานยูเครนของรัสเซีย แต่ขณะเดียวกัน กลับกำลังเตรียมการสำหรับเป็นจุดหมายปลายทางต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวรัสเซีย
“ด้านหนึ่งตุรกีทำตัวเป็นคนกลางและสนับสนุนยูเครนด้านมาตรการต่าง ๆ ที่สำคัญ แต่อีกด้านหนึ่งที่เราเห็น ยกตัวอย่างเช่น ในช่วงเวลาเดียวกันนี้พวกเขากำลังเตรียมการเส้นทางการท่องเที่ยวหลายเส้นทางสำหรับนักท่องเที่ยวรัสเซีย คุณไม่สามารถจัดการมันด้วยแนวทางนั้น มันคือ 2 มาตรฐาน”
รัฐบาลตุรกีวางกรอบแผนการสำหรับปล่อยกู้ราว 300 ล้านดอลลาร์แก่บริษัทท่องเที่ยวของตุรกีที่ทำธุรกิจกับรัสเซีย และเพิ่มเที่ยวบินทั้งขาออกและขาเข้าจากมอสโก และเมืองอื่น ๆ เพื่อสร้างรายได้เพิ่มเติมแก่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของพวกเขา ในขณะที่การท่องเที่ยวตุรกีพึ่งพานักท่องเที่ยวรัสเซียเป็นหลัก
และทางด้านประธานาธิบดีเรเจป ตัยยิบ แอร์โดอัน เปิดเผยว่า บางทีเขาอาจจะพูดคุยกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน หารือกันเกี่ยวกับประเด็นด้านการท่องเที่ยว ช่วยคลี่คลายภาวะคอขวดการส่งออกธัญพืชจากยูเครนและรัสเซีย รวมถึงช่วยผลักดันการอพยพออกจากเมืองมาริอูโปลของยูเครนที่ถูกปิดล้อม
ปูติน รับรู้ถึงความต้องการของตุรกี ในแง่รายได้จากการท่องเที่ยวและเคยให้สัญญาว่าจะมอบแรงสนับสนุน “เขาเคยบอกว่าเขาจะมอบแรงสนับสนุนทุกอย่างเท่าที่จะสามารถทำได้”
ตุรกีเป็นสมาชิกนาโต้ แต่สานสัมพันธ์ใกล้ชิดกับรัสเซียในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา เพื่อช่วยเสริมสถานะของพวกเขาในภูมิภาคและเป็นอิสระจากตะวันตก ในปี 2019 อังการาจัดซื้อขีปนาวุธป้องกันภัยทางอากาศ S-400 จากรัสเซีย กระตุ้นให้สหรัฐฯ กำหนดมาตรการคว่ำบาตรภาคอุตสาหกรรมกลาโหมของตุรกี และระงับตุรกีจากโครงการพัฒนาและจัดซื้อเครื่องบินขับไล่ล่องหน F-35
อังการาบอกว่าพวกเขาอ้าแขนต้อนรับบรรดาบุคคลทรงอิทธิพลทางการเมืองและธุรกิจชาวรัสเซีย ไม่ว่าจะในฐานะนักท่องเที่ยวหรือนักลงทุน และเวลานี้อภิเรือยอชต์ 2 ลำ มูลค่าอย่างน้อย 1,200 ล้านดอลลาร์ ของ โรมัน อับราโมวิช มหาเศรษฐีชาวรัสเซียที่ถูกคว่ำบาตร ยังคงอยู่ในน่านน้ำของตุรกี เพื่อหลีกเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตรของตะวันตก