จากสถานการณ์ในประเทศยูเครน ทำให้นานชาติเข้ามาช่วยเหลือ และตำหนิหลายประเทศ รวมทั้งผู้นำยูเอ็น ซึ่งดร.ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์ นักวิชาการทางบูรพคดีศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ให้ข้อเท็จจริงถึงเรื่องนี้ไว้อย่าน่าติดตามยิ่ง!!!
โดยนักวิชาการชื่อดังแห่งมหาวิทยาลัยมหิดล ได้เปิดเผยไว้ผ่านการโพสต์ลงในเฟซบุ๊กว่า “กรณียูเครน ดูท้าวเธออันโตนิโอจะเอาจริงหน่อย:
ตอนอเมริกาและแก๊งนาโต้ขยายอิทธิพลไปด้วยวิธีรุกรานประเทศอื่นๆ อ้างว่าจะนำประชาธิปไตยไปให้ ไล่มาตั้งแต่ยูโกสลาเวีย อาฟกานิสถาน อิรัก โซมาเลีย ลิเบีย ซีเรีย เอธิโอเปีย รวมทั้งการรุกรานและสังหารชาวปาเลสไตน์จำนวนมากของรัฐบาลอิสราเอลซึ่งมีอเมริกาสนับสนุนการทหาร เศรษฐกิจและการทูตอยู่เบื้องหลัง
รวมๆ แล้ว มีคนตายล้านกว่าคนไปแล้ว เลขาธิการสหประชาชาติไม่เคยยับยั้งอะไรได้เลย หนำซ้ำไม่มีสื่อไหนลงกระตุ้นให้ทำงานเหมือนกรณียูเครนด้วย แต่พอถึงกรณียูเครน ท้าวเธอชีพจรลงเท้า เดินทางไปทั้งรัสเซีย ซึ่งมีเหตุผลอันควรในการปฏิบัติการทางทหารและเดินทางไปพบผู้นำยูเครน ซึ่งเป็นหุ่นเชิดตะวันตกอีกที
รัสเซียมีเหตุผลที่ดีในการปฏิบัติการทางทหารในยูเครนและแถมมีอาวุธยุทโธปกรณ์เหนือกว่าที่พร้อมจะสนับสนุนเหตุผลนี้ด้วย ส่วนด้านยูเครนมีอิทธิพลมืดของอเมริกาและนาโต้อยู่เบื้องหลัง
เป็นคู่ต่อสู้ที่เหมาะแก่ยุคสมัยมาก ระหว่างประเทศมีอาวุธยุทโธปกรณ์ที่เหนือกว่า+กลุ่มประเทศที่ชอบใช้อิทธิพลมืด การโคจรมาพบกันของคู่นี้ น่าจดจำในประวัติศาสตร์ยิ่งนักแล้ว”
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2565 ดร.ปฐมพงษ์ ก็ได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กถึงพฤติกรรมของเลขาธิการสหประชาชาติไว้อย่างน่าสนใจว่า
“เลขาธิการสหประชาชาติมีพฤติกรรมที่ชัดเจนประการหนึ่ง กล่าวคือ ๑.เมื่ออิสราเอลส่งเครื่องบินถล่มปาเลสไตน์ซึ่งยังทำอยู่จนทุกวันนี้ ๒.เมื่ออิสราเอลส่งเครื่องบินถล่มซีเรีย ซึ่งยังทำอยู่จนทุกวันนี้
๓.เมื่ออิสราเอลส่งเครื่องบินละเมิดน่านฟ้าเลบานอน และไม่เคยสนใจมติสหประชาชาติเลย ซึ่งยังทำอยู่จนทุกวันนี้ ๔.เมื่ออเมริกาส่งทหารเข้าไปรุกรานอิรัก ซึ่งยังทำอยู่จนทุกวันนี้
๕.เมื่ออเมริกาส่งทหารเข้าไปรุกรานซีเรีย ยึดบ่อน้ำมันซีเรียจนถึงเดี๋ยวนี้และสนับสนุนกลุ่มก่อการร้ายป่วนซีเรีย ซึ่งยังทำอยู่จนทุกวันนี้ ๖.เมื่ออเมริกา อิสราเอลและอังกฤษสนับสนุนซาอุฯ ให้รุกรานเยเมน
๗.เมื่ออเมริการุกรานอาฟกานิสถาน ๘.เมื่ออเมริกาส่ง CIA ไปจัดตั้งสงครามพันทางไล่ประธานาธิบดียูเครนที่มาจากการเลือกตั้งลงจากตำแหน่งแล้วตั้งหุ่นเชิดตนเองแทนเป็นผู้นำมาจนบัดนี้ แถมสังหารประชาชนยูเครนจำนวนมากเมื่อปีพ.ศ.๒๕๕๗ฯลฯ
ไม่เห็นข่าวเลขาธิการสหประชาชาติเร่งงรุดเดินทางไปตรวจสอบเพื่อหาทางเอาผิดประเทศที่ละเมิดอธิปไตยประเทศอื่นเลย แต่พอรัสเซียส่งทหารเข้าไปกวาดล้างในยูเครนที่เข่นฆ่าชาวรัสเซียในยูเครนมาไม่น้อยกว่า ๘ ปีและเป็นภัยคุกคามต่อรัสเซียโดยตรง กลับเต้นเป็นผีเข้า
บทบาทเลขาธิการสหประชาชาติไม่มีประโยชน์ที่สาธุชนจะไปสนใจใดๆ เลย ทำงานด้วยความลำเอียง ต้องย้ายสำนักงานใหญ่สหประชาชาติออกไปจากกรุงนิวยอร์คของอเมริกาตามข้อเสนอของรัสเซียเสีย น่าจะดีขึ้น”