หยุดไม่อยู่- TikTok ผงาดครองโลก! ทำไมสหรัฐ-อินเดียจึงกลัวหนัก สั่งห้ามใช้ในประเทศอ้างความมั่นคง ผลแค่สะเทือนแต่ไม่ล้ม

3222

ปรากฎการณ์ TikTok ทำแอพฯจีนกำลังเติบโตครองใจคนทั้งโลก แม้ต้องเผชิญอุปสรรคใหญ่ เมื่อสหรัฐฯและจีน ประกาศแบนการใช้งานในประเทศ ส่ออาการหวาดหวั่นเพราะไม่เคยคาดว่า แอพฯจีนจะสามารถผงาดแซงหน้าแอพฯตะวันตกอย่างรวดเร็วได้

สื่อสังคมออนไลน์เคยถูกยึดครองโดยโลกตะวันตก แต่ TikTok เป็นแอปที่มาจากบริษัทจีน และเพิ่งเปิดให้ดาวน์โหลดนอกจีนในปี 2017 เท่านั้น การผงาดขึ้นมาของ TikTok จึงเป็นที่จับตาโดยเฉพาะในแวดวงธุรกิจเทคโนโลยี ขณะเดียวกันได้กลายเป็นที่หวั่นวิตกของประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่อย่างสหรัฐและอินเดีย

จุดแข็งที่ชนะใจคนทั้งโลก-สนุกเร้าใจ ใครๆก็เล่นได้
แอพพลิเคชัน TikTok พัฒนาโดยบริษัท ByteDance สัญชาติจีน ต่อยอดมาจากแอปพลิเคชัน “Douyin” ที่ใช้ในประเทศจีนและประสบความสำเร็จไปก่อนแล้ว

ความสำเร็จของ TikTok วัดได้จากจำนวนผู้ใช้งานและรายได้ที่ก้าวกระโดดปัจจุบัน มีผุ้ใช้อยู่กว่า 800 ล้านบัญชีทั่วโลก มียอดดาวน์โหลดแอปฯ กว่า 1,500 ล้านครั้ง โดยอินเดียเป็นประเทศที่มียอดดาวน์โหลด TikTok มากที่สุดในโลกกว่า 466 ล้านครั้ง ตามมาด้วยจีนและสหรัฐฯ ที่มีการดาวน์โหลดประเทศละกว่า 100 ล้านครั้ง

ปี 2018 ByteDance มีรายได้ 7.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพียงปีเดียวรายได้กระโดดกว่าเท่าตัวเป็น 1.7 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เฉพาะปี 2019 เฉพาะ TikTok มีรายได้ถึง 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ  TikTok สร้างรายได้จากโฆษณาเช่นเดียวกับโซเชียลมีเดียอื่น โดยบริษัทไม่ว่าจะแบรนด์เล็กแบรด์ใหญ่ โปรโมทวิดีโอโฆษณา โดยจะโฆษณาจะขึ้นบนฟีดของคนดู ตามความชอบของแต่ละคน ซึ่ง TikTok มีอัลกอริธึมที่เก็บดาต้าของผู้ใช้งาน ซึ่งเป็นจะเป็นการโฆษณาโดยไม่ต้องมาประเมินและสุ่มกลุ่มเป้าหมายเอง ไม่ต้องจ้างเอเจนซี่ มาวางแผนเรื่องกลุ่มเป้าหมาย แต่โฆษณาจะวิ่งไปหาคนที่ใช่เอง ซึ่งผลลัพธ์ดีกว่าการโฆษณา เพราะต้องตั้งกลุ่มเป้าหมายเอง และก็ไม่แน่ว่าจะตรงกลุ่มเป้าหมายหรือไม่

ด้วยจุดแข็งดังกล่าว กลายเป็นที่หวั่นเกรงกับประเทศมหาอำนาจทั้งสหรัฐและอินเดีย ซึ่งเป็นประเทศที่นิยมเล่น TikTok อันดับต้นๆ ของโลก อาศัยความไม่มั่นใจในด้านความมั่นคงมาเป็นเหตุผลแบน “TikTok”

นายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่า รัฐบาลสหรัฐฯ กำลังพิจารณาแบนแอปพลิเคชันจากจีนหลายแอปฯ รวมทั้ง TikTok และเหน็บแนวว่าใครก็ตามที่ต้องการให้ข้อมูลตัวเองตกอยู่ในมือพรรคคอมมิวนิสต์จีน ก็ให้โหลด TikTok มาใช้ซะ
แม้ผู้ให้บริการ TikTok ในสหรัฐ จะได้ออกแถลงการณ์ยืนยันว่า การใช้งาน TikTok ปลอดภัยและเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลสหรัฐฯ ทุกประการ และยืนยันว่า ไม่เคยส่งข้อมูลผู้ใช้ให้รัฐบาลจีน ที่ผ่านมารัฐบาลสหรัฐฯ จับตา TikTok มาตลอด อีกทั้งเคยออกคำเตือนภายในกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ห้ามเจ้าหน้าที่และทหารใช้แอปพลิเคชันนี้เนื่องจากกังวลเรื่องความมั่นคงอีกด้วย

อินเดียฉวยโอกาสแบนTikTok หลังเกิดข้อพิพาทชายแดน
เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา รัฐบาลอินเดียได้ออกคำสั่งแบนแอปพลิเคชันจีน 59 แอปฯ รวมTikTok โดยให้เหตุผลด้านความมั่นคงเช่นเดียวกับสหรัฐ เกิดขึ้นหลังจากจีนและอินเดีย เกิดความขัดแย้งชายแดน ที่แคชเมียร์ หลังเกิดการปะทะระหว่างทหารทั้งสองประเทศ จนทำให้มีทหารอินเดียเสียชีวิต 20 นาย

อินเดียเป็นประเทศที่มีผู้ใช้ TikTok มากที่สุดในโลก ทำให้การห้ามใช้งานในอินเดียส่งผลกระทบต่อรายได้ของ TikTok โดยตรง บริษัท ByteDance เจ้าของ TikTok อาจเสียรายได้ไปถึง 6,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือกว่า 187,000 ล้านบาท ในจำนวนนี้รวมทั้งเงินลงทุนที่ ByteDance เพิ่งทุ่มลงไป 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 31,000 ล้านบาท สำหรับการลงทุนในตลาดอินเดีย

ส่วนสหรัฐยังไม่แบนเป็นทางการแต่ทั้งปธน.ทรัมป์และเจ้าหน้าที่รัฐฯแสดงท่าทีชัดเจนว่าจะเล่นงานแน่ รอเวลาอยู่ เพราะฝั่งคนไม่รักทรัมป์ใช้ TikTok ต่อต้านการหาเสียงล่าสุดของเขาไปแล้ว

มรสุมถาโถมแต่ธุรกิจยังต้องเดินหน้า
TikTok นอกจากจะให้บริการในอินเดียไม่ได้และอาจรวมถึงสหรัฐในอนาคตอันใกล้แล้ว ยังจำเป็นต้องยุติบริการในฮ่องกงด้วย เป็นผลจากการบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่ มีแนวโน้มว่าอาจจะมีการนำ Douyin ซึ่งเปรียบเสมือนเป็น TikTok เวอร์ชั่นจีนที่ผ่านการเซนเซอร์จากรัฐบาลจีนแล้วมาใช้แทนในฮ่องกง

TikTok เร่งปรับภาพลักษณ์แบรนด์ให้เป็นสากล โดยว่าจ้าง นายเควิน มาเยอร์ อดีตซีอีโอของดิสนีย์มาเป็นซีอีโอของ TikTok เพื่อปรับภาพลักษณ์ว่าเป็นบริษัทเทคโนโลยีที่เป็นสากล แต่ยังสรุปได้ไม่ชัดว่าจะได้ผลดีอย่างที่หวัง

TikTok กำลังถูกใช้ทางการเมืองของทุกฝ่าย

นอกจากการเล่นเพื่อความบันเทิงแล้ว ผู้ใช้ TikTok ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนหนุ่มสาวบางส่วนยังเคยใช้ TikTok เป็นเครื่องมือทางการเมืองด้วย โดยกรณีล่าสุดเกิดขึ้นกับ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อมีผู้ใช้ TikTok รวมพลังกันไปจองที่นั่งเข้าร่วมฟังปราศรัยหาเสียงของประธานาธิบดีทรัมป์ที่รัฐโอกลาโฮมาเมื่อเดือนที่แล้ว แต่เมื่อถึงเวลาจริงกลับไม่มีใครไปเข้าร่วม และปล่อยให้ที่นั่งว่างให้ประธานาธิบดีทรัมป์เสียหน้า

ขณะที่ก่อนหน้านี้ก็มีกรณีของ เฟโรซา อาซิซ วัยรุ่นสาวชาวอเมริกันวัย 17 ปี ที่โพสต์วิดีโอลงใน TikTok ทำทีเป็นคลิปสอนดัดขนตา แต่ความเป็นจริงแล้ว เธอได้พูดรณรงค์ต่อต้านจีนเรื่องความรุนแรงต่อชาวมุสลิมในประเทศจีน

สงครามชิงการนำในโลกใหม่ทางดิจิทัลท้าทาย มหาอำนาจทั้งฝั่งตะวันตกและตะวันออก ฝั่งตะวันตกสหรัฐอเมริกาผูกขาดอิทธิพลทางความคิดผ่านเทคโนโลยีสมัยใหม่มานาน ได้ผลประโยชน๋เศรษฐกิจมหาศาลมาโดยตลอด  วันนี้เทคโนโลยีดาวรุ่ง แอพพลิเคชั่นTikTok ได้ทะลวงกำแพงนี้สำเร็จแล้วในขั้นต้น ต้องจับตาดูต่อไปว่า TikTokจะรับแรงกดดันอย่างไร และมหาอำนาจไฮเท็คอย่างอินเดียจะวางเฉย ไม่ส่งแอฟฯระดับ Mass มาสู้หรือ ทั้งๆที่CEO ของบริษัทไฮเทคโนโลยีเกือบทั้งโลกเป็นคนอินเดีย

……….……………………………………………………………..