เปิดเบื้องลึก!! ‘ทรานส์นีสเตรีย’ จุดต่อแดนมอลโดวาทางต.ต.ติดยูเครน ที่อาจเป็นพื้นที่รัสเซียเผชิญหน้านาโต้

867

ทรานส์นีสเตรีย (Transnistria) เป็นภูมิภาคเล็กๆ มีประชากรประมาณ 470,000 คน มีพรมแดนติดกับยูเครนทางตะวันตก ซึ่งได้ประกาศแยกตัวจากมอลโดวาเป็นสาธารณรัฐหลังสหภาพโซเวียตล่มสลาย แม้จะมีรัฐรรมนูญ การทหาร สกุลเงิน และธงเป็นของตัวเองแต่ไม่ได้รับการยอมรับจากประชาคมระหว่างประเทศ นี่เป็นจุดหนึ่งที่สำนักข่าวตะวันตก ชี้เป้าว่าอาจเป็นสถานีต่อไปในการปฏิบัติการทางทหารของรัสเซีย แต่ความจริงเป็นเช่นหรือ เป็นความพยายามเบี่ยงเบียนความสนใจจากจุดสำคัญที่แท้จริงในการชิงชนะของ ฝ่ายตะวันตกกับรัสเซียกันแน่

วันที่ 28 เม.ย.2565 สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานว่า ในทางการแล้วยังถือว่าทรานส์นีสเตรียเป็นส่วนหนึ่งของ “มอลโดวา” โดยมอลโดวาประกาศสถานะให้เป็นเขตปกครองตนเอง ซึ่งในภูมิภาคทรานส์นีสเตรีย มีทหารรัสเซียประจำการอยู่ราว 1,500 นาย ตั้งแต่ปี 1995 ตามข้อตกลงสงบศึก ขณะที่รัสเซียอ้างว่ามีหลักฐานว่าประชาชนที่พูดภาษารัสเซียในภูมิภาคนี้กำลังถูกกดขี่ ซึ่งประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน เคยใช้ข้ออ้างเดียวกันนี้ก่อนที่จะบุกยูเครน

ท่ามกลางการจับตามองว่าทรานส์นีสเตรียอาจถูกดึงเข้าสู่สงครามรัสเซีย-ยูเครน

ก่อนหน้านี้ สำนักข่าว Interfax และ TASS ของรัสเซียรายงานโดยอ้างคำพูดของ รุสตัม มินเนกาเยฟ รองผู้บัญชาการกองทัพภาคกลางของรัสเซีย(Major-General Rustam Minnekaev) ว่าการเข้าควบคุมทางตอนใต้ของยูเครน ซึ่งเป็นการเชื่อมคาบสมุทรไครเมียที่รัสเซียผนวกเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนเมื่อปี 2014 กับภูมิภาคดอนบัส จะช่วยให้รัสเซียเข้าถึงภูมิภาคทรานส์นีสเตรียในมอลโดวาได้

เมื่อช่วงต้นสัปดาห์นี้มีรายงานว่าเกิดเหตุระเบิดขึ้นหลายครั้งในทรานส์นีสเตรีย ขณะที่ยังไม่มีฝ่ายใดออกมายอมรับว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุระเบิดดังกล่าว โดยกระทรวงต่างประเทศมอลโดวาระบุว่าการโจมตีดังกล่าวมีจุดประสงค์เพื่อยกระดับความตึงเครียดและคุกคามความมั่นคงของทรานส์นีสเตรีย ขณะที่กระทรวงกลาโหมยูเครนมองว่าเป็น “แผนการยั่วยุ” ของรัสเซีย เช่นเดียวกับสหรัฐ

นักวิเคราะห์บางคนสงสัยว่ารัสเซียมีแผนที่จะใช้ทรานส์นีสเตรียเพื่อประโยชน์ด้านโลจิสติกส์ และใช้เพื่อเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญเพื่อสร้างทางเดินบนบกเลียบทะเลดำมีเป้าหมายเพื่อยึดเมืองท่าของโอเดสซาหรือไม่?

ก่อนหน้านี้อาเดรียโน โบโซนี ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ของ Rane บริษัทด้านการบริหารจัดการความเสี่ยง เตือนว่าปูตินอาจกำลังพิจารณาเป้าหมายต่อไปของเขา ซึ่งก็คือ “มอลโดวา” ซึ่งอยู่ติดกับพรมแดนด้านตะวันตกเฉียงใต้ของยูเครน โดยระบุว่า “หากความขัดแย้งขยายออกไปนอกยูเครน มอลโดวาก็เป็นหนึ่งในประเทศที่มีความเสี่ยงมากที่สุด”

โดยชี้ให้เห็นว่ามอลโดวามีสถานการณ์ที่คล้ายกับยูเครนคือไม่ได้เป็นสมาชิกของ NATO และไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของสหภาพยุโรป (EU) แต่ออดีตสาธารณรัฐโซเวียตแห่งนี้มีประชากรกลุ่มแบ่งแยกดินแดนโปรรัสเซียจำนวนมาก โดยส่วนใหญ่ก็อยู่ในทรานส์นิสเตรียที่ปกครองโดยผู้นำที่ได้รับการสนับสนุนจากรัสเซีย ซึ่งถือได้ว่าเป็นโอกาสทางยุทธศาสตร์ของรัสเซียอีกเช่นกัน

โบโซนีมองว่าปูตินอาจรับรองภูมิภาคดังกล่าวเป็นรัฐอิสระก่อนที่จะทำการบุกประเทศ เช่นเดียวกับที่เขาทำกับโดเนตสก์และลูฮันสก์ ก่อนที่จะเปิดปฏิบัติการทางทหารอย่างเต็มรูปแบบในยูเครน โบโซนีกล่าววว่า”สำหรับผมมันเป็นเรื่องที่น่าสนใจที่รัสเซียยังไม่รับรองสถานะรัฐอิสระของทรานส์นิสเตรีย อย่างที่ทำกับโดเนตสก์และลูฮันสก์ เมื่อไรก็ตามที่รัสเซียทำเช่นนั้นมันจะเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ว่าพวกเขากำลังคิดที่จะนำความขัดแย้งไปยังมอลโดวา” 

จุดสนใจที่ดึงลากมอลโดวามาอยู่ในสายตาของโลก ท่ามกลางการสู้รบในยูเครนก็คือ เกิดระเบิด 2 ครั้งช่วงเทศกาลอิสเตอร์ในทรานส์นีสเตรีย ประเด็นนี้สำนักข่าวอาร์ไอเอ โนวอสติของรัสเซีย (RIA Novosti) อ้างแหล่งข่าวในรัฐบาลของ ทรานส์นิสเตรียว่าการโจมตีได้เข้ามาจากยูเครน

ฝั่งรัสเซีย โดย ดมิทรี เพสคอฟ โฆษกเครมลินปฏิเสธแสดงความคิดเห็นว่าใครอยู่เบื้องหลังการโจมตีดังกล่าว แต่ได้แสดงความกังวล ต่อการระเบิดและกำลังจับตาดูอย่างใกล้ชิด