“เยอรมัน” รับกรรมแล้ว อยากแบนรัสเซีย เจอหายนะใหญ่ ต้องเปลี่ยนโมเดลศก.ยกชาติ

1394

หลังจากที่ปมเดือดรัสเซีย-ยูเครน ยืดยื้อมาหลายเดือน จนเกิดวิกฤตทางเศรษฐกิจ หลายประเทศทั่วโลกได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับประเทศที่ประกาศจะแซงชั่นรัสเซีย ขนาดประเทศยักษ์ใหญ่อย่างเยอรมันยังต้องรับผลจากการกระทำครั้งนี้เช่นกัน

มีรายงานว่า “มาร์ติน บรูเดอร์มุลเลอร์” ซีอีโอของบริษัทเคมีภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกสัญชาติเยอรมัน อย่าง BASF ออกมาให้สัมภาษณ์เตือนว่า “เยอรมัน” ประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในยูโรโซน อาจจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงวิธีการทำธุรกิจ หรือเปลี่ยน “โมเดลเศรษฐกิจ” ของประเทศใหม่ แม้ว่าศรษฐกิจเยอรมันแข็งแกร่งและขยายตัวต่อเนื่องในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา จนกลายเป็นประเทศผู้ส่งออกขนาดใหญ่ที่สุดประเทศหนึ่งของโลก เยอรมันสามารถผลิตและพัฒนาสินค้าที่มีศักยภาพในการแข่งขันสูงได้เป็นเบอร์หนึ่งของโลก และเป็นพี่ใหญ่ในโซนยุโรปด้วย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า หลายธุรกิจในเยอรมันผูกโยงเข้ากับพลังงานราคาถูกจากรัสเซีย และตลาดใหญ่ของจีน แต่การที่เยอรมันมาออกตัวว่าจะแบนรัสเซีย นั่นก็เท่ากับประกาศศึกทางเศรษฐกิจอย่างชัดเจนเช่นกัน

ก่อนหน้านี้ที่ทั่วโลกเจอการระบาดของโควิด ก็ทำเอาเยอรมันแย่มาหนึ่งครั้ง ต่อมาจากปมรัสเซีย-ยูเครน ทำให้เกิดความจำเป็นที่จะต้องดึงตัวออกห่างจากการพึ่งพาพลังงานจากรัสเซียขึ้นอย่างเร่งด่วน เพื่อไม่ให้การนำเข้าพลังงานจากรัสเซียกลายเป็นการสนับสนุนความก้าวร้าวรุกรานของ “วลาดิมีร์ ปูติน” ให้เพิ่มมากขึ้นไปอีก

ทั้งนี้ได้มีนักเศรษฐศาสตร์เยอรมัน “แกเบรียล เฟลเบอร์มายเออร์” ตั้งคำถามเอาไว้ว่า หรือโลกาภิวัตน์ที่ดำเนินมาตลอด 30 ปี กำลังจะสิ้นสุดลง ? โลกกำลังเข้าสู่ยุคของการแบ่งขั้ว เป็นตะวันตกค่ายหนึ่งและตะวันออกที่นำโดยรัสเซียกับจีนอีกค่ายหนึ่งกันแน่ นั่นเท่ากับว่า เป็นการทำลายโมเดลเศรษฐกิจของเยอรมนีที่ยึดถือมาตลอด 20 ปีลงโดยสิ้นเชิง

เยอรมนีกำลังต้องการโมเดลเศรษฐกิจแบบใหม่ และต้องคิดให้ออกให้ได้ว่า อะไรคือสิ่งที่จะช่วยให้ธุรกิจทั้งหลายของประเทศสามารถคงอยู่และปรับตัวได้ใหม่ภายใต้สถานการณ์ท้าทายที่กำลังจะมาถึง เช่น อาจจะไม่ง้อปูติน หาพลังงานเอง และพึ่งพาพลังงานจากแหล่งอื่น แม้หลายฝ่ายมองว่าเป็นไปได้ยาก และที่ผ่านมา เยอรมันจะยังสงวนท่าที ไม่กล้าแซงชั่นรัสเซียมากนัก ยังทำหน้าที่งัดกับกลุ่ม EU จนไม่ลงรอยกันในบางครั้ง แต่เมื่อเร็ว ๆ นี้ก็มีรายงานว่า เยอรมันแอบส่งอาวุธไปช่วยเหลือยูเครนครั้งแรก ทำให้ยิ่งชัดว่า เยอรมันจะประกาศเต็มตัวแล้วว่า พร้อมฟาดกับปูติน


อย่างไรก็ตาม ซีอีโอของบริษัทเคมีภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกสัญชาติเยอรมัน ยังกล่าวทิ้งท้ายถึงปัญหาหนักที่เยอรมันต้องเผชิญจากนี้ ก็คือ ในช่วง 13 ปีที่ว่าเยอรมนีจะทำอย่างไร ที่จะไม่พึ่งพารัสเซีย
เพราะแค่ยกเลิกการนำเข้าพลังงานจากรัสเซียเพียงอย่างเดียว ความอยู่ดีกินดีของคนเยอรมันทั้งประเทศก็อาจจบสิ้นในทันทีเช่นกัน นี่คือสิ่งที่รัฐบาลต้องตัดสินใจให้ถูก ไม่เช่นนั้นอาจเจอหายนะที่ใหญ่กว่านี้