จากกรณีที่มีรายงานของหนังสือพิมพ์เดอะไทม์ส โดยอ้างคำพูดของนายวาลดิส ดอมบรอฟสกิส รองประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ว่า สหภาพยุโรป (EU) เตรียมใช้มาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่ที่เรียกกว่า “การคว่ำบาตรอันชาญฉลาด (Smart Sanctions)” ต่อรัสเซีย ด้วยการระงับการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย
แต่ล่าสุดทางด้าน “โจเซป บอร์เรล” นักการทูตระดับสูงของสหภาพยุโรป (อียู) เปิดเผยว่า ประเทศสมาชิกอียูยังขาดการสนับสนุนอย่างเพียงพอเพื่อห้ามการนำเข้าโดยสมบูรณ์หรือใช้มาตรการด้านภาษีต่อน้ำมันและก๊าซของรัสเซีย ในเวลานี้ พวกเราในอียูยังไม่มีจุดยืนที่เป็นหนึ่งเดียวกันสำหรับปัญหานี้”
การส่งออกน้ำมันเป็นแหล่งสร้างรายได้สกุลเงินต่างประเทศของทำเนียบเครมลิน และหลายคนในอียูได้เรียกร้องให้ยุติการชำระค่าน้ำมัน เนื่องจากรัสเซียจะนำเงินไปใช้สนับสนุนการทำสงครามในยูเครน ซึ่งรัสเซียเรียกว่า “ปฏิบัติการพิเศษทางทหาร” บางประเทศในอียูกำลังผลักดันมาตรการคว่ำบาตรชุดที่ 6 ต่อรัสเซีย ขณะที่เบลเยียมกำลังเตรียมประเมินผลกระทบอย่างเต็มรูปแบบ หากมีการห้ามใช้น้ำมันตามมาตรการคว่ำบาตรเพิ่มเติม
รัสเซียเป็นซัพพลายเออร์น้ำมันรายใหญ่สุดของยุโรป โดยจัดหาน้ำมันให้อียูมากถึงหนึ่งในสี่เมื่อปี 2563 ตามข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) หัวข้อนี้จะมีการหารือกันในการประชุมสุดยอดผู้นำอียูครั้งต่อไป ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นช่วงปลายเดือนหน้า พร้อมทั้งกล่าวว่าเขาไม่ได้คาดหวังถึงการตัดสินใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ “ข้อเสนอขั้นสุดท้ายสำหรับการคว่ำบาตรน้ำมันและก๊าซยังไม่ได้อยู่ในวาระ”
อย่างไรก็ตามในหนังสือพิมพ์ในเยอรมนี ยังรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า คณะกรรมาธิการสหภาพยุโรปอาจจะยื่นข้อเสนอมาตรการคว่ำบาตรชุดที่ 6 ต่อประเทศสมาชิกในสัปดาห์นี้ ทุกประเทศอียูกำลังทำงานเพื่อลดการพึ่งพาน้ำมันและก๊าซของรัสเซีย เขาเชื่อว่าอียูจะสามารถลดการพึ่งพาได้ในท้ายที่สุด
แต่ทั้งนี้การประกาศจะคว่ำบาตรรัสเซียเพิ่ม และจะแบนนำเข้าพลังงาน เริ่มมีกระแสจากกลุ่ม EU มาประมาณ 2 สัปดาห์ แต่ดูเหมือนว่า จะมีเสียงที่ไม่ลงตัวของแต่ละชาติอยู่มาก รวมทั้งเยอรมันกำลังได้รับผลกระทบอย่างมาก จากการแบนรัสเซีย ทำให้ต้องตระหนักว่าจะเดินหน้าอย่างไรต่อไป น่าจับตามองว่าเยอรมันจะไม่เห็นด้วยกับกลุ่ม EU รวมทั้งการเตือนของมาครง อาจจะทำให้กลุ่ม EU ไม่สามารถจะแบนน้ำมันรัสเซียอีก เพราะเท่ากับจะทำลายประเทศตัวเองทางอ้อมด้วย
