มีรายงานความคืบหน้าสถานการณ์ของรัสเซีย-ยูเครน ที่ร่วงเลยมา 50 กว่าวันแล้วนั้น โดยสำนักข่าว Reuters รายงานว่า เจ้าหน้าที่ตะวันตกหลายคนและการประเมินด้านข่าวกรองของตะวันตกมีความเห็นไปในทางเดียวกันว่า รัสเซียมีโอกาสชนะสงครามในยูเครนซึ่งอาจลากยาวไปจนถึงปลายปีนี้มากกว่า และอาจควบคุมภูมิภาคดอนบัสได้อย่างเบ็ดเสร็จ
ขณะที่ซิลวี มาเตลลี รองผู้อำนวยการของสถาบันเพื่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและกิจการทางยุทธศาสตร์แห่งฝรั่งเศส ได้ออกมาเปิดเผยว่า 2 เดือนผ่านไปหลังจากรัสเซียรุกรานยูเครน ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ อ้างว่า มอสโกกำลังอยู่ในภาวะโดดเดี่ยวยิ่งกว่าที่เคยเป็นมา แต่นี่ดูเหมือนจะเป็นเพียงความคิดฝันเฟื่องของผู้นำสูงวัยของอเมริกาผู้นี้เสียมากกว่า
ความพยายามที่จะกีดกันมอสโกออกไปจากสังคมโลก ต้องเผชิญแรงต้านทานจากภาคส่วนที่ยังลังเลของประชาคมระหว่างประเทศ “มีการโดดเดี่ยวรัสเซียออกจากกลุ่มตะวันตกอย่างชัดเจนมาก ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื่องจากมาตรการแซงชั่นระลอกแล้วระลอกเล่าซึ่งสร้างความยุ่งยากซับซ้อนให้แก่การแลกเปลี่ยนกันทั้งในทางการพาณิชย์และในทางการเงิน แต่สำหรับการโดดเดี่ยวรัสเซียในเวทีระหว่างประเทศนั้น สถานการณ์แตกต่างออกไป โดยมีชาติที่ระมัดระวังตัวสูงจำนวนมากยังคงปฏิเสธไม่โอนอ่อนตามแรงบีบคั้นกดดันของฝ่ายตะวันตก”
นอกจากนี้ดูเหมือนการแซงชั่นรัสเซีย จะไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรที่มากมายกับปูติน ตามที่ผู้นำหลายประเทศกำลังเพ้อฝัน แต่ก็ต้องยอมรับว่ารัสเซียก็เจ็บตัวอยู่บ้าง แต่เมื่อเทียบกับทางกลุ่มยุโรปและชาติตะวันตก รัสเซียยังเหนือกว่าในทุกมิติ ฝ่ายตะวันตกยังใช้ความพยายามในการประชุมกลุ่มจี 20 ของบรรดาประเทศระบบเศรษฐกิจรายใหญ่ของโลก ด้วยการล็อบบี้ให้อินโดนีเซียผู้เป็นประธานในปีนี้ ตัดรัสเซียออกไปจากเวที แล้วลงท้ายก็ถูกปฏิเสธ โดยทางอินโดนีเซียอ้างเหตุผลว่าต้องปฏิบัติต่อทุกประเทศอย่างยุติธรรม การที่มาตรการแซงชั่นทางเศรษฐกิจที่กระทำไปยังไม่ก่อให้เกิดผลระยะสั้นอะไรชัดเจนออกมา ก็ช่างไม่ช่วยฝ่ายตะวันตกเอาเสียเลย ในการเกลี้ยกล่อมพวกประเทศที่ลังเลอยู่
ขณะที่จูดี เดมป์ซีย์ นักวิเคราะห์แห่งกลุ่มคลังสมอง คาร์เนกี ยุโรป ชี้ว่า แม้การแซงชั่นจะโหดมากๆ แล้ว แต่ไม่ได้ส่งผลป้องปรามทำให้ปูตินหยุดขยายการปิดล้อมเมืองมาริอูโปล หรือหยุดถล่มใส่เมืองอื่นๆ ในยูเครน ส่วนมาเตลลี นักวิจัยชาวฝรั่งเศสยอมรับว่า “ถ้าวัตถุประสงค์คือต้องการให้ ปูติน หวั่นไหว เพื่อที่เขาจะยอมถอนตัวออกจากยูเครนแล้ว คงต้องบอกว่ามันไม่ได้ผล” และมองว่า ปูติน อาจจะลดระดับความทะเยอทะยานของเขาในยูเครนลงมา แต่มันเป็นผลจากการสู้รบของกองกำลังยูเครนในสนามรบ มากกว่าผลของการแซงชั่น
นักวิเคราะห์บางรายพยายามมองโลกแง่ดี โดยบอกว่ายังจะต้องใช้เวลากว่าที่ผลกระทบการแซงชั่นจะแสดงออกมาให้เห็นอย่างเต็มที่ “สถานการณ์เกี่ยวกับเศรษฐกิจของรัสเซียจะชัดเจนยิ่งขึ้นในเดือนมิถุนายนหรือกรกฎาคม เพราะตอนนี้เศรษฐกิจยังคงทำงานโดยอิงอยู่กับทุนสำรองของพวกเขาที่มีอยู่” นี่เป็นถ้อยคำเป็นความเห็นของ อเล็กเซย์ เวเดฟ นักวิเคราะห์การเงินรัสเซีย แห่งสถาบันไกดาร์เพื่อนโยบายเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ตาม ชาติตะวันตกเอง ก็ต้องตระหนักแล้วว่า การแซงชั่นรัสเซียไม่ได้ผล และการที่จะแบนไม่นำเข้าก๊าซหรือพลังงานอื่นของรัสเซีย ก็อาจจะยังทำไม่ได้จริงในระยะเวลาอันสั้น ส่งผลกระทบต่อพลังงานที่มีอยู่ ตอนนี้ยังพอมีพลังงาน ก็ยังไม่ได้กระทบอะไรมาก แต่หากแก้ปัญหาไม่ได้ รับรองว่าจะยิ่งบานปลาย และพลังงานที่มีจะเริ่มร่อยหรอลงในที่สุด
