จากกรณีที่มีรายงานความคืบหน้าของสถานการณ์ในรัสเซีย- ยูเครน โดยทางด้านกองทัพรัสเซียเผยแผนสงครามเฟส 2 เดินหน้ายึดทั้งฝั่งตะวันออกและตอนใต้ของยูเครนเชื่อมดินแดนที่รัสเซียยึดเข้าด้วยกัน ขณะที่ทางยูเครน ยังเร่งประสานขออาวุธจากกลุ่มพันธมิตรให้ส่งมาช่วยเหลือตามสัญญา เพราะเกรงว่าอาจจะรับกำลังของกองทัพรัสเซียไม่ไหว รวมทั้งอาวุธล็อตใหญ่ที่นาโต และสหรัฐฯส่งให้ก่อนหน้านี้ มีรายงานว่าถูกทำลายเกือบหมดสิ้น
ทั้งนี้ท่าทีการเคลื่อนไหวของสหรัฐฯ ที่เข้ามามีบทบาทต่อสงครามรัสเซีย-ยูเครน ทำให้นักวิชาการมองว่า ในอนาคตขั้วอำนาจโลกจะเปลี่ยน จากที่สหรัฐฯเคยคิดว่าเป็นเบอร์ 1 ของโลก ก็อาจจะมีการเปลี่ยนแปลง และในปลายปีนี้สหรัฐฯ จะเผชิญกับวิกฤตขาดแคลนอาหาร ประชาชนจะอดอยากมากกว่าเดิม
ล่าสุดในเพจเฟซบุ๊ก World Update ได้โพสต์ถึงประเด็นดังกล่าว ระบุว่า สหรัฐฯและยุโรป กุมขมับ ถูกมหาอำนาจใหม่ รัสเซีย จีน อินเดีย ไล่ต้อนเข้ามุมอับแล้ว สิ่งที่สหรัฐฯ ผู้ควบคุม “ระเบียบโลกเก่า” มาตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 ยึดแนวปฏิบัติมาคือ “เอาสิ่งที่ตนต้องการแต่ไม่สนใจวัฒนธรรมท้องถิ่น” เมื่อจะยึดประเทศใดก็จะมุ่งทำลายยอดปิรามิดผู้นำประเทศนั้นก่อน โดยการลอบสังหาร โค่นล้มรัฐบาล หรือใส่ความว่ามีอาวุธเคมี ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ละเมิดสิทธิมนุษยชน แล้วจึงเฮละโลยกพวกไปรุมตี เช่น เกาหลีเหนือ เวียดนาม ลาว กัมพูชา อิรัก ลิเบีย ซีเรีย อัฟกานิสถาน ฯลฯ จากนั้นก็ค่อยสังหารทหาร และฐานปิระมิดประชาชนในประเทศนั้นหลักหมื่น แสน ล้านราย ตามแต่พอใจ แล้วจบด้วยยึดทรัพย์ประเทศนั้นเอากลับบ้าน
ต่างจากรัสเซีย ที่จบสงครามโลกครั้งที่ 2 ถ้าไม่ขัดแย้งในดินแดนติดกัน ก็ยังไม่ได้ก่อสงครามกับใคร แต่ถ้าประเทศพันธมิตรร้องขอว่าถูกสหรัฐ และพวกรังแก ขอความช่วยเหลือ รัสเซียจะไม่รีรอและไปจังก้าปกป้องทันที โดยไม่เรียกร้องอะไรเพราะชาติเหล่านั้นก็ย่อยยับจากสหรัฐและพวกมากแล้ว เช่น เกาหลีเหนือ เวียดนาม อิรัก ซีเรีย ฯลฯ ที่รัฐบาลเมียนมาชุดปัจจุบัน รอดจากกรงเล็บสหรัฐ ก็เพราะจีน และรัสเซีย จังก้าปกป้องไว้ ดังนั้นรัสเซีย กับสหรัฐ จึงแนวคิดต่างกันแบบ “น้ำกับน้ำมัน” รัสเซียเป็นน้ำดับไฟ แต่สหรัฐเป็นน้ำมันราดไปบนกองไฟให้ลุกโชนยิ่งขึ้น
เมื่อรัสเซีย มหาอำนาจอาวุธ พลังงาน อาหาร และจีน มหาอำนาจทางเศรษฐกิจการค้าประกาศ “ระเบียบโลกใหม่” ที่จะใช้น้ำไปดับไฟจากน้ำมันที่สหรัฐ และพวกไปจุดไว้ทั่วโลก ย่อมทำให้ชาติตะวันตกที่ครองโลกมานานหลายศตวรรษ และมี “อภิสิทธิ์พิเศษ” เหนือชาวโลกมาตลอดต้องสูญเสียอำนาจนั้นไป “ต้องดิ้นเฮือกสุดท้าย” ก่อกวนต่อต้านรัสเซีย และจีนทุกวิถีทางที่จะไม่ให้โลกสงบสุขได้โดยง่าย โดยวิธีการที่ใช้มาตลอด คือ “สร้างสถานการณ์เอง โกหกเอง ” แล้วบอกว่าเป็นฝีมือรัสเซีย กับจีนทำ
แต่เมื่อโลกเข้าสู่สังคมโซเชียลอินเตอร์เน็ต การหลอกลวงแบบเก่าเริ่มใช้ไม่ได้ผล ชาวโลกร่วมกันจับผิด และเห็นความไม่เป็นธรรมมากมายที่ชาติตะวันตกสร้างวีระกรรมไว้ การยอมรับ “ระเบียบโลกใหม่ แล้วทำลายระเบียบโลกเก่า” พุ่งสูงขึ้นตลอดเวลา สังคมโลกเริ่ม” รังเกียจ ไม่ต้อนรับ และไล่ต้อน” ชาติตะวันตกให้กลับไปอยู่ในมุมอับเล็ก ๆ ได้ปรากฎขึ้นทั่วโลกแบบไม่เคยพบมาก่อนในหลายทศวรรษ
ที่สุดแสบคือ บังอินเดีย ที่อังกฤษอดีตเจ้าอาณานิคมส่งรัฐมนตรีต่างประเทศไปขอร้องว่าหยุดซื้อน้ำมันจากรัสเซีย แต่ทางการอินเดีย บอกว่าอังกฤษซื้อน้ำมันรัสเซีย มากกว่าอินเดียอีก ให้อังกฤษทำให้ดูเป็นตัวอย่างก่อน
ส่วนจีน ที่เคยเสียดินแดนตกเป็นเมืองขึ้นอังกฤษ สหรัฐฯ และชาติตะวันตก ก็ขายของลูกเดียวตั้งแต่ไม่จิ้มฟันยันรถไฟฟ้า ที่สหรัฐฯ อังกฤษ และยุโรปใช้กันอยู่ทุกวันนี้ สูบเงินชาติตะวันตก แปลงเป็นทองคำมาเข้าจีนอย่างเดียว เฉพาะสหรัฐ ปี 2563 ซื้อของจีนบักโกรกมากกว่า 20 ล้านล้านบาท แทบจะปูถนนด้วยทองคำให้จีนทั้งประเทศอยู่แล้ว สหรัฐ ขู่อะไรจีนก็ไม่สน ขู่ว่าอย่าซื้อพลังงานรัสเซีย อย่าค้าขายกับรัสเซีย อาเสี่ยจีนพยักหน้า งึก ๆ แล้วก็ก้มหน้าลงนามสั่งซื้อน้ำมัน ก๊าซ ถ่านหินจากรัสเซียเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัว ฟังหูซ้าย ทะลุหูขวาซะงั้น ธุรกิจอะไรที่ชาติตะวันตกถอนตัวไปจากรัสเซีย ทั้งจีน อินเดีย ก็แห่หอบเงินไปลงทุนกว้านซื้อเทคโอเวอร์หมด