จากกรณีที่มีรายงานว่า วลาดิมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ได้สั่งให้กองทัพรัสเซียยกเลิกแผนบุกโจมตีโรงงานผลิตเหล็กกล้าอาซอฟสตัลในเมืองมาริอูปอลของยูเครน พร้อมระบุว่าเขาต้องการให้กองทัพปิดล้อมโรงงานแทน
ปูติน สั่งการเรื่องนี้กับ “เซอร์เก ซอยกู” รัฐมนตรีกลาโหมรัสเซีย ซึ่งเคยบอกปูตินว่านักรบชาวยูเครนกว่า 2,000 คนยังคงซ่อนตัวอยู่ในโรงงานแห่งนี้ ซึ่งมีอุโมงค์ใต้ดินขนาดใหญ่อยู่ภายใน ผมคิดว่าการเสนอให้บุกเขตอุตสาหกรรมดังกล่าวนั้นไม่จำเป็นเลย ปูตินกล่าวกับซอยกู พร้อมกล่าวว่า “ผมสั่งให้คุณยกเลิกแผนนี้”
ปูตินกล่าวว่าการตัดสินใจไม่โจมตีโรงงานอาซอฟสตัลของเขา เกิดจากความปรารถนาที่จะปกป้องชีวิตทหารของรัสเซีย “ไม่จำเป็นต้องปีนเข้าไปในสุสานใต้ดินและคลานเข้าไปในโรงงานอุตสาหกรรมนี้ แค่ปิดกั้นเขตอุตสาหกรรมนี้ ไม่ให้แมลงวันบินผ่านได้ก็พอ”
ปูตินยังเรียกร้องกับนักรบยูเครนในอาซอฟสตัล ซึ่งยังไม่จำนน ว่า รัสเซียจะปฏิบัติต่อพวกเขาด้วยความเคารพ และจะให้ความช่วยเหลือทางการแพทย์แก่ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ
อย่างไรก็ตาม ปูตินได้ประกาศว่ารัสเซียยึดเมืองมาริอูปอลของยูเครนได้แล้ว โดยระบุว่า การควบคุมศูนย์กลางที่สำคัญทางตอนใต้อย่างเมืองมาริอูปอล ประสบความสำเร็จแล้ว การประกาศชัยชนะของรัสเซียเกิดขึ้น 1 วันหลังจากผู้บัญชาการกองพลนาวิกโยธินยูเครนที่ปกป้องโรงงานเหล็กอาซอฟสตัลเตือนว่า กองกำลังของเขามีจำนวนมากกว่า และพร้อมที่จะเผชิญกับวันสุดท้ายในชีวิต ท่ามกลางเมืองที่ถูกทำลายล้างจากการทิ้งระเบิดของรัสเซีย
ต่อมาทางเพจ World Update ได้โพสต์ข้อความถึงกรณีห้องใต้ดินที่กองทัพยูเครนได้หลบอยู่ภายในนั้น โดยอ้างอิงจากกองกำลังป้องกันรังสีเคมีและชีวภาพ กองทัพรัสเซีย ระบุว่า
ช่วงเริ่มสงครามในยูเครน ทางกลาโหมสหรัฐได้เรียกบริษัทอาวุธ 8 แห่งมาถามว่าใครอยากจะขายอาวุธอะไรให้กับยูเครนบ้าง จะใช้ยูเครนเป็นสนามฝึกซ้อม จากนั้นทางสหรัฐได้ขนทหารยูเครนไปฝึกการใช้อาวุธที่จะขายให้ แล้วหลอกรัฐบาลยูเครนว่า อาวุธหนักของกองทัพรัสเซีย และเสบียง รบไปไม่นานก็หมดแล้วให้กองทัพยูเครนสู้ต่อไปชนะแน่นอน ด้าน Valery Zaluzhny ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของกองทัพยูเครนระบุว่า ประสบการณ์ในการสู้รบกับกองทัพรัสเซีย ข้อมูลทางทหารรัสเซีย จะได้รับการถ่ายโอนไปยังสหรัฐ และ NATO เพื่อรับมือกับรัสเซียต่อไป
ห้องแลปชีวภาพของเพนตากอน กลาโหมสหรัฐ ทั่วโลกมี 336 แห่ง ใน 30 ประเทศ เพื่อสร้างขีดความสามารถทางทหารสหรัฐด้านชีวภาพ ในจำนวนนี้เฉพาะที่อยู่ติดกับประเทศจีนและรัสเซียมีราว 60 แห่ง ซึ่งได้รับการปรับปรุงให้ทันสมัยตั้งแต่ปี 2005 โดยรัฐบาลสหรัฐฯออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด เฉพาะในยูเครนมี 30 แห่ง ช่วงตั้งแต่ปี 2015 เป็นต้นมาสหรัฐ ใช้เงินไปกว่า 32 ล้านดอลลาร์ในการพัฒนาห้องแลปชีวภาพในยูเครน (เผยแพร่ในเว็ปไซต์สถานทูตสหรัฐ ประจำยูเครน ต่อมาหลังรัสเซียบุกได้ถูกลบออก) จากรายงานของรัสเซียต่อสหประชาชาติ (UN) ห้องแลปชีวภาพในยูเครนได้รับคำสั่งให้ดำเนินการเกี่ยวกับเชื้อโรคแอนแทรกซ์ , ไวรัสไข้หวัดนก , ไวรัสโคโรนาจากค้างคาว ฯลฯ มานานตั้งแต่ก่อน WHO จะประกาศโรคเหล่านี้ระบาด
ก่อนหน้านี้เพนตากอนสหรัฐ เคยพยายามทดสอบยาและวัคซีนที่ยังไม่ได้ทดลองกับทหารยูเครน และชาวเมืองมาริอูปัล หลายพันคน กองกำลังป้องกันรังสีเคมีและชีวภาพของกองทัพรัสเซีย คาดว่าการแพร่กระจายการติดเชื้อที่เป็นอันตรายผ่านทางนก สัตว์ปีก จากความประมาท และขาดความรับผิดชอบ ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ที่เมืองนี้มีเขตอุตสาหกรรมเหล็กอาชอฟสตาล พื้นที่กว้างขวางกว่า 6,800 ไร่ โรงงานเหล็กแห่งนี้ไม่ใช่โรงงานธรรมดา เพราะพื้นที่นี้ด้านล่างคือ “บังเกอร์ไต้ดินหลบภัยอาวุธนิวเคลียร์” สร้างมาตั้งแต่สมัยก่อนสหภาพโซเวียติล่มสลาย มีความลึกกว่า 30 เมตร (ราวตึก 7 ชั้นผนังคอนกรีตหนา มีหลายชั้น ความยาวทางเชื่อมรวมกันกว่า 20 กม. เชื่อมไปยังห้องต่างๆ ที่ออกแบบให้จุคนได้ราว 40,000 ชีวิต ใช้ชีวิตอยู่ได้เป็นปีหากมีเสบียงอาหารพร้อม มีระบบผลิตไฟฟ้าไต้ดิน ระบบน้ำประปา ระบบสื่อสารทางอินเตอร์เน็ต ขั้นสูง (ติดตั้งภายหลัง)
ส่วนหนึ่งในอาคารมั่นคงใต้ดินที่ซับซ้อนแห่งนี้ สหรัฐ ตกลงกับรัฐบาลยูเครนดัดแปลงเป็น “ห้องแลปชีวภาพรหัส PIT-404” ที่ดำเนินการโดย กลาโหมสหรัฐฯ ข้อมูลหลักฐานหลุดจาก “Laptop to Hell”มีผู้รับเหมาหลักคือบริษัท Metabyota ของ “นายฮันเตอร์ ไบเดน ลูกชาย โจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ” ร่วมหุ้นกับนายเซเลนกี้ ผู้นำยูเครน และนายรีนาท อาห์เตอฟ มหาเศรษฐี อดีตสมาชิกรัฐสภายูเครน เจ้าของเขตอุตสาหกรรมเหล็กแห่งนี้ และบริษัท Blake , Fitch , CH-to-M-Hill ซึ่งรับผิดชอบในการสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกทางชีวภาพและจัดหาอุปกรณ์ให้กับห้องแลปชีวภาพเพนตากอนทั่วโลก
ล่าสุด กองกำลังพันธมิตรรัสเซียจากโดเนตสค์ เข้าสู่พื้นที่ด้านหน้าโรงงาน ตรวจไล่ไปด้านหลังทีละน้อยอย่างระมัดระวัง เคลื่อนตัวจากห้องหนึ่งไปอีกห้องหนึ่งพื้นที่พื้นด้านบนอย่างระมัดระวัง มีการต่อต้านเพียงเล็กน้อยประปราย จากทหารรับจ้าง Azov ของ NATO ที่อารักขาโรงงาน ทิ้งอาวุธยุทโธปกรณ์มากมายขณะถอยหลบหนี ส่วนด้านหลังโรงงานถูกกองทัพอากาศรัสเซียรุกไล่ทิ้งอาวุธสุญญากาศ FAB -3000 อาวุธชนิดนี้จะทำให้เชื้อเพลิงกระจายตัวเป็นฝอยละอองลอยฟุ้งออกไป แล้วอาศัยความร้อนจากการระเบิดทำให้เกิดการเผาไหม้ในวงกว้าง โดยดูดออกซิเจน จากบรรยากาศเข้ามาสันดาป สร้างการระเบิดขยายที่มีอุณหภูมิสูง “เทอร์โมบาริก” อำนาจอาวุธชนิดนี้มีความรุนแรงอย่างมาก สิ่งมีชีวิตที่ใช้อ๊อกซิเจนในรัศมีทำลายผู้ที่หลบอยู่ในอุโมงค์ หรือพื้นที่กำบังทึบจะโดนคลื่นกระแทกเกิดการฟกช้ำ เลือดออกทางหู และจมูก ขาดอากาศจากกระบวนการสันดาปของเชื้อเพลิง และเสียชีวิตในที่สุด กองทัพรัสเซียถล่มโรงงาน อาชอฟสตาลด้วย FAB-3000 จากเครื่องบิน TU-22M3 และจรวดหลายลำกล้อง TOS-1A หัวรบเทอร์โมบาริก
ผู้บัญชาการนาวิกโยธินที่ 36 ยูเครน ในเมืองท่ามาริอูปัล ชายทะเล เมื่อเสียเมืองให้กับฝ่ายรัสเซียไปแล้ว ได้ถอยไปหลบในฐานที่มั่นสุดท้ายในโรงงานเหล็กอาชอฟสตาลได้แสดงความท้อแท้ผ่านโซเชียลว่ากองกำลังของเขา “อาจจะเผชิญกับวันสุดท้ายภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง เพราะฝ่ายรัสเซียมีมากกว่า 10 ต่อ 1 เราขอวิงวอนให้ผู้นำโลกทุกคนช่วยเราด้วย เพื่อนำพวกเราไปยังประเทศที่สาม” และพบร่างไปไม่กลับของ อวาน อนาโตลีวิช คราโปวอย นาวิกโยธินอาวุโสของกองเรือยูเครน ที่บริเวณท่าเรือมาริอูปัล มีร่องรอยถูกพวกเดียวกัน “ประหารชีวิตเป็นรูทางด้านหลัง” ใกล้ตัวเขามีแผ่นพับอธิบายขั้นตอนยอมจำนนต่อกองทัพรัสเซีย เขาจึงโดนประหารชีวิตตามคำสั่งผู้นำยูเครนเพื่อเชือดไก่ให้ลิงดู
ระเบิดเทอร์โบบาริก ที่กองทัพรัสเซียถล่มเขตอุตสาหกรรมอาชอพสตาลมาหลายวัน ยังเจาะทะลุพื้นไปยังชั้นไต้ดินลึกยังไม่ได้ เพราะสหภาพโซเวียติออกแบบมาให้ป้องกันได้แม้กระทั่งอาวุธนิวเคลียร์ ตอนนี้มีทหารรับจ้าง Azov ของ NATO และ”นักวิทยาศาสตร์ห้องแลปชีวภาพ” หลบอยู่ภายในห้องใต้ดินต่างๆ ราวไม่เกิน 3,000 คน นอกจากชาวยูเครนแล้วยังเป็น “บุคคลสำคัญ” และชาวต่างชาติไม่เกิน 600 คนจาก สหรัฐ และชาติ NATO โดยฝ่ายรัสเซีย “ต้องการจับเป็น” พวกเขาเหล่านี้ พร้อมหลักฐานภายในห้องไต้ดิน เอามาประจานต่อชาวโลกโดยการสื่อสารให้โอกาสยอมแพ้ แต่ฝ่ายยูเครน กลับมีคำสั่งห้ามยอมแพ้ ใครขัดขืน “ให้ประหารชีวิต” พวกเดียวกันฝังพวกเขาทั้งหมดในห้องไต้ดินพร้อมความลับตลอดไป แม้ทางฝ่ายยูเครนจะออกมาบอกว่า “ขอเจรจาแบบไม่มีเงื่อนไข” ขอเพียงปล่อยตัวทหารรับจ้าง และบุคคลสำคัญที่ปลอมเป็นขาวบ้านออกมาเท่านั้น แต่รัสเซียก็ยืนยันว่าต้องวางอาวุธยอมจำนนถ้าเป็นต่างชาติจะนำตัวไปมอสโก
ยังไม่รู้ว่ารัสเซียจะมีวิธีจัดการ “มนุษย์มุดโพรง” เหล่านี้ให้ออกมาอย่างไร แต่เมื่อสหภาพโซเวียติออกแบบห้องไต้ดินมั่นคงนี้ก็ย่อมมี “แบบแปลนทางวิศวกรรม” ซึ่งจะต้องมี “ระบบระบายอากาศไปออกปล่องผิวดิน และจะต้องมีระบบท่อระบายน้ำเสีย” ออกไปยังอาคารและท่อแห่งหนึ่ง หรือออกชายทะเล ในเมืองมาริอูปัล ดังนั้นการอุดกั้นบล็อคระบบระบายอากาศ ระบบระบายน้ำเสีย โดยทำเขื่อนผันสูบน้ำทะเลอัดย้อนใส่เข้าไปแทนจนอากาศไม่ถ่ายเท ผสานกับการรบกวนการสื่อสารทางอินเตอร์เน็ตดาวเทียมตัดคำสั่งการจาก NATO จะทำให้มนุษยโพรงทั้ง 3,000 คน อาจทนอยู่ไม่ไหว แต่จะเหลือรอดประหารชีวิตกันเองสักกี่รายก็ตอบได้ยาก