จากกรณีรัสเซีย ได้ควบคุมเมืองท่ามาริอูโปลไว้ได้สำเร็จแต่ยังไม่เข้ายึดโรงงานเหล็กกล้า ซึ่งน่าจะมีทหารยูเครนราว 2,000 นาย หลบอยู่ โดยประธานาธิบดีปูติน สั่งใช้แผนปิดล้อมแทนการบุกเข้าไป โดยไม่ให้แม้แต่แมลงวันบินออกมาได้!?!
ล่าสุดวันนี้ 22 เมษายน 2565 นายไพศาล พืชมงคล อดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ได้โพสต์ข้อความถึงสถานการณ์ของยูเครนและรัสเซีย ซึ่งมีความน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะยังเกี่ยวเนื่องไปถึงนายกฯอังกฤษด้วยว่า “เมื่อนาโต้พ่ายแพ้ในยูเครน ผลกระทบก็เกิดที่แปซิฟิคด้วย!!!
รัฐสภาเกาหลีใต้เรียกร้องรัฐบาลเกาหลีใต้ให้ยุติท่าทีแข็งกร้าวต่อเกาหลีเหนือ และยุติการร่วมกับสหรัฐ ในการสร้างความขัดแย้งกับจีนในแปซิฟิก
ให้จับตาผลกระเทือนเลื่อนลั่นจากการที่นักการเมืองและนักธุรกิจ จากทั่วโลก เข้าประชุมรับฟังการปราศรัยของสีจิ้นผิง เกี่ยวกับการยืนหยัดต่อสู้ของประเทศจีนตลอด 5,000 ปี ที่เหมือนหนึ่งทะเลใหญ่ ฝ่าพายุมากหลาย ก็ยังตั้งอยู่จนทุกวันนี้และตลอดไป
ประธาน สีเรียกร้องให้ทั่วโลก ยุติความขัดแย้ง มาร่วมกัน สร้างสันติภาพและการพัฒนา เพื่อผลประโยชน์ร่วมกันแบบ win win ของชาวโลก
ประธานสีชี้ว่า โลกหมดยุคสมัยกินรวบคนเดียวแล้ว ( ยุคนาโต้ครองโลก) โลกมาถึงยุคสมัยที่ต้องแบ่งปัน และช่วยเหลือกัน!!! ทำให้บรรดานักการเมืองและนักเศรษฐกิจที่เข้าร่วมกำลังเอาไปพูดจากันในประเทศของตน และก่อเกิดเป็นกระแสใหญ่ ที่เรียกร้องให้นาโต้ยุติการรุกรานเอาเปรียบ ถึงขั้นเรียกร้องให้รัฐบาลของตนถอนตัวออกจากนาโต้
นี่คือกระแสปฏิวัติประชาชาติ เพื่อปลดแอกประเทศต่างๆที่ถูกกดขี่ข่มเหง ใครที่ไม่ตาบอดย่อมเห็นกระแสนี้ ใครที่ไม่หูหนวกย่อมได้ยินเสียงเคลื่อนไหวอันกึกก้องนี้ ในประเทศไทยใครคิดขายชาติเอาประเทศเข้าซุกใต้เท้า ให้ดูตัวอย่างไว้ และติดตามสถานการณ์ให้ดี จะได้ไม่ถลำลึกลงไปกว่านี้”
ต่อมานายไพศาล ยังได้โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊ก เปิดเผยถึงยุทธวิธีในการเข้าบุกยูเครนของรัสเซีย ซึ่งมีความน่าสนใจตรงที่น่าติดตามว่า
“การเข้ายึดพื้นที่นั้น ปกติต้องใช้กำลังทหารราบ โดยการสนับสนุนของทหารม้าและปืนใหญ่ นั่นเป็นยุทธวิธีทั่วไป ที่เหล่าทหารทั้งหลาย ทั่วโลกก็รู้เหมือนกัน
แต่สภาพ ของยูเครนตอนใต้และตะวันออกนั้น รัสเซียมุ่งยึด-ครอง-สถาปนาความมั่นคงและจัดการปกครอง เพื่อเป็นส่วนของรัสเซียอย่างถาวร
ดังนั้นจึงต้องหลีกเลี่ยงการทำลายล้าง เพื่อไม่ต้องมาบูรณะ และเสียค่าใช้จ่ายเสียเวลาจำนวนมหาศาล จึงใช้กองกำลังพิเศษ ในลักษณะผสมผสานระหว่างทหารราบกับกองจรยุทธในเมือง ซึ่งรัสเซียมีประสบการณ์อย่างโชกโชนมาจากอิรักและซีเรีย รวมทั้งอัฟกานิสถาน
ดังนั้น ยุทธวิธีและการใช้กำลังจึงไม่ได้เป็นแบบแผนเหมือนกับการเข้ายึดพื้นที่โดยทั่วไป เหตุนี้จึงทำให้ หลายท่าน ที่คุ้นเคย หรือมองสถานการณ์ตามยุทธวิธีทั่วไป ประมาณสถานการณ์คลาดเคลื่อน จากที่เป็นจริง และวันนี้ความจริงก็ปรากฏผลแล้ว
เหมาเจ๋อตงเคยพูดถึงเรื่องนี้เอาไว้ว่า กฎแห่งสงครามไม่ตายตัว แต่เป็นกฎแห่งการพัฒนา ดังนั้นจึงจำเป็นต้องอาศัย ทฤษฎีวัตถุนิยมวิภาษและทฤษฎีวัตถุนิยมประวัติศาสตร์ อย่างแนบแน่นด้วย”